ผูกที่ ๑๓ กัณฑ์นคร
กัณฑ์ย่อยที่ ๑
เนื้อเรื่อง
ตํ สุตฺวา ปิตรสทฺธึ สลฺลปนฺโต อมํ คาถมาห มหาสตฺโต สวนดั่งพระภูบาลไชยเชฎ อันอยู่ทรงเพศเป็นรัสสี สุตฺวา ได้ยินข่าวสาส์นดีพิลาบ แสนขุนขาบยุยเยือง ยอยังเอ็งคะชุลีเนืองนมนอบขอคืนครอบสีพี เพื่อนิรมนต์ยังตนให้เมื่อเสวยราช เจ้าจึงปลงพระราชโอวาท ต้านจารจา กับดอมพระวรปิตาตนพ่อ จึงต้านต่อคำควรว่า ธมฺเมน รชฺชํ การตํ ดั่งนี้เป็นเค้า ข้าไหว้มหาราชเชื้อชันชาติ สุริยวงศ์ชมภูทรงเขาข่าว พระบาทท้าวจงฟัง มํ กาเรนตํ เมื่อผู้ข้ายังเสวยราชลือชา ลืออำภาเฮืองฤทธิ์ผาบจตุทิสู่ด้าวฮ้อยเอ็ดท้าวย่อมยินดีทูลไมตรีมาทุกแห่ง บ่อต้านแต่งเศิกสานสุขสำราญไพร่ฟ้า ยู่ท่างค้าขายกิน ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺตํ ผู้ข้ายังเสวยเมือง ก็ยังว่าบ่ชอบ บ่ลอบเลี้ยวลวงกษัตริย์เที่ยงประทัดทุกทีบัวระบัดถ้วนที่ในธรรมสิบสิ่งก็ยังว่าข้อยิ่ง แท้ดีหลี บัดนี้เล่าว่าโทษข้ามีขำเขือกเพราะว่าข้าได้ให้ช้างแก้วเผือกเป็นทาน อันนั้นก็บ่อใช่การอันชาวเมืองจักปาก ช้างแก้วหากของเฮา เกิดเทียมเงาพร้อมข้าบาท หยาดแต่ฟ้าลงมา ก็บ่ใช่ช้างพระญามาแต่เก่า บ่ใช่ช้างแก้วเผ่าเกิดกับเมือง ช้างหากเกิดกับบุญเฮืองคลาดคล้อย แต่เมื่อผู้ข้าน้อยๆอ่อนห่อยเกิดกับสมภาร ข้าให้ทานดั่งลือเขามาเคียด จักสมเสียดฉันใด ในมัคคาชาวนิคมเมืองใหญ่แลบ้านน้อย โฮมพร้อมถ้อยเสนา เมื่อไว้พระวรปิตตาตนพ่อพร้อมกันส่อเตียนขวัญ ตวญฺจ สวนดั่งองค์สมเด็จพระเป็นเจ้า ก็บ่อพร้อมลูกเต้าหมู่ภูธร ก็บ่สอนสั่งไพร่ก็บ่ไตร่ตรองดูยังคุณแลโทษ ไพร่อ้ายโหดขับหนี โทษข้าบ่มีเท่าผงเผ่า ข้าคิดเป่ายินดี ขับข้าหนีจากบรมราช ข้าบ่หนีหลางจัก ให้เสียชีวีตคล้อยคลาดมรณา ข้าจึงพาลูกแลเมียผายหนีมาเป็นชีช้อยโชติในโครธไพรหนา ดั่งลือพระวรปิตตาแลมาราธนายังผู้ข้านี้ให้เมือเสวยราชเมืองดั่งเก่าเป็นท้าวเล่าสองทีคำลักอายแก่ชาวศรีก็จักเกิดมีแกข้า ข้าขอบวชเป็นชีเป็นรัสสีอยู่เท่าเฒ่า ขออัญเชิญสมเด็จพ่อเป็นเจ้าจงเมื่อเสวยราชนั่งเมือง ให้จำเริญเฮืองแหล่งหล้าแก่ไพร่ฟ้าชาวศรีก็ข้าเทอญ
เมื่อพระกษัตริย์รัสสีกล่าวดั่งนั้น บั้นพระปิตตาตนพ่อ ยังลุกแก้วหน่อทรงยศ จักให้อดยังโทษแห่งตนดาย จึงออกอุบายกล่าวเป็นคาถาว่า ทุกฺกตญฺจ สันนี้เป็นเค้า ดูราเจ้าลุกฮักพ่อนี้ฮ้ายแฮกผิดแผกแท้ดีหลี หิยฺโยหํ พ่อได้ฟังคำไพร่ บ่ตั้งไตร่ตรองดู ปพฺพาเชสิ เจ้าบ่มีโทษ ไหร่ฮ้ายโหดขับหนี อิมํ คาถํ กตฺวา พระองค์การภูวนาท จักช้ำราธนา จึงกล่าวว่า ปุตฺโต นาม ชื่อว่าลูกชายพ่อ นามมะหน่อสงสาร อทพฺเภ จักบันดาลเสียยังโศรกแห่งพ่อแม่พี่น้องมิตาสหาย ด้วยอุบายอันใดอันหนึ่งแล้ว ควรลูกแก้วฟังคำพ่อ เจ้าจงสร้างเมืองก่อกินเมือง ให้มียศเฮืองดั่งเก่า เป็นท้าวเหล่าที่ 2 ที
เมื่อบรมศรีสญชัยกล่าวดังนั้นแล้ว พระตนแก้วมีใจมัคไคร่เมือเสวยเมือง ยังคำเคืองใจพ่อ อันไปกล่าวต่อมาดั่งนั้น บั้นพระญาบรมศรีสญชัยตนแก่นเหง้า ช้ำราธนาเจ้าเถิง 2 ที 3 ที บั้นพระญาธรรมจึงฮับคำพ่ออันตั้งใจต่อนีรมนต์ว่า สาธุดี ๆ อถ ถัดนั้นอามาตย์ผู้ฉลาดในหรึทัย ทูลสาส์นใสสะอาด อัญเชิญพระบาทเจ้าหดสรง ปลงน้ำมุทธาภิเษก อติเรกพระองค์การพระภูบาลชื่นช้อยน้อยหนึ่ง ก่อนจัดเดาดา ปวิสิตฺวา ก็เข้าไปสู่ปัณณะศาลา อิสิทณฺฑา เจ้าก็แก้เสียยังเครื่องบริขารอันเป็นชีประดับดีดังเก่า สงฺขารวณฺณํ เจ้าก็ทรงผ้าผืนขาวพราวบริสุทธ์ ดุจดั่งสังขาร เจ้าก็เสด็จลีลาออดจากพระปัณณศาลา ด้วยคำจินดาว่า อิทํ มยา อันกูมาอยู่ในสถานที่นี้นานประมาณ 7 เดือน ปลาย 14 วันเป็นที่กูทรงธรรมอันหยิ่ง ขอขอดสิ่งโอยทาน เป็นที่แผ่นดินดานไหวหวั่น สนั่นเท่าเถิงพรหม เป็นสถานที่อุดมกว่าฟ้า เจ้าก็ยอมือตั้งต่อประทักขิณ 3 ฮอบ คอบ 3 ที แล้วพระตนแก้วจึงขาบลงด้วยที ติดทีทรงองคะ 5 แห่ง แล้วพระตนแก้วจึงยืนอยู่ช้องหน้าหมู่เสนา อถสฺส ชาวเมืองมวลทุกเทศ คือว่าช่างเกล้าเกษตัดผม ให้ชำระตนดีแล้ว สรงเกษแก้วพระภูธร ทรงอาภรณ์อันพิเศษนุ่งผ้าเทศงามเฮืองให้เมื่อเสวยเมืองแหล่งหล้า คือดั่วอินทาเจ้าฟ้าใต้พระตึงสา มีแล เตน วุตฺตํ เหตุดังนั้น บั้นคาถาพันธะอันชื่นช้อนพระยอดสร้อนสะยัมภู สัพพัญญูตนวิเศษ วุตฺตํ ก็เทศนาว่า ตโต เวสฺสนฺตาโร ราชา อันว่าพระญาเวสสันดรหน่อไท้ ฟังคำไพร่ให้นีรมนต์ ชำระตนดีแล้ว สรงเกษแก้วเกสี เครื่องเป็นชีวางไว้ กษัตริย์ไท้ลือชา เต ชนา อันว่าคนทั้งหลาย ฝูงถวายพรพระบาท ให้ไทธิราชสวัสดิ์ ว่า พระภูบาล 2 กุมารลุกแก้ว จงรักษาท้าวผ่านแผ้วเมื่อเสวยเมืองเท่าวันเทอญ คันว่ากล่าวแล้วเขาก็ดีดสีตีเป่า เสพท้าวเก้าเข้าเมือเสวยเมือง หตฺถี จ คือว่านายช้างเขาก็ห้างยังช้างแก้วปัจจัย นำไปถวายแก่พระบาทไทธิราชพระกษัตรา เจ้าก็ขัดคันไชผ่านแผ้ว ขึ้นขี่คอช้างแก้วปัจจัย โยธาไหลผ่านก่อนหน้าเจ้าฟ้าฟากอาศรมนางสนมคื่นเค้า เข้าอาบน้ำเจ้ามัททียินดีเลิสแล้ว ถวายพรแก่เวสสันดรภูวนาท จงรักษาเจ้าจอมราชนางเมือง สองบุญเฮืองฮักแม่ ฮักเจ้าแต่โดยธรรม อิทญฺจ ทมัทที หน่อไท้ ลุลาบได้เมืองขวาง ปุพฺเพ คณิงถึงลำบาก ระห้อยหากเดินไพร บัดนี้ นางมีใจชมชื่น นางไท้ตื่นยินดี สห ปุตฺเตหิ กับดอมลูกรักฮักแม่อัคคะสะเหนหา อันต้านจารจากล่าวเป็นคาถาว่า ตุมฺเห พรามโณ ดั่งนี้เป็นเค้า ดูราเจ้าลูกฮักแม่ เมื่อพราหมณ์เฒ่าพาเจ้าเจียรจาก แม่ลำบากผิวผอม ทุกข์แฮงฮอมเถิงขนาด มรณาตแล้วจึงคืนมา แม่ก็กอยใจหาคลี่คล้อยๆ ก็บ่เห็นอ่อนน้อยสายใจ แม่ก็คิดอาลัยเถิงเจ้า ทุกค่ำเช้าในอาศรม แม่ก็อาบลมต่างน้ำ อกแม่ช้ำโสกา แม่ก็ไปเดินหาในเถื่อนถ้ำ ทุกท่าน้ำไพรสรพ์ อกแม่คือไฟลนสมสมานใจหวิดหว่างบางพร่องคิดหลายที่คางฮอด ใจแม่จอดพรั้งพงพก แม่ก็ตีอกน้ำตาตกคะหย่าวๆ แม่ก็ฮ้องให้ท่าวทางยืน ทุกวันคืนระห้อยเยียวว่า 2 อ่อนน้อยหลงไพร แม่จักไปตายตางเจ้า เยียวว่าพ่อเจ้าเป็นกำพร้าอยู่ภายหลังหาสังจักอุปัฎฐากแก่พ่อเจ้า 2 ศรี ทั้งผีสางแม่ก็ไหว้ ทั้งต้นไม้แม่ก็พร่ำเพียรนบ ขอให้ได้พบ 2 สายใจแม่ อันได้พลัดพลากแล้วแต่เหิงนานดูราเจ้าลูกฮักแม่ บัดนี้หายโศรกแล้วอยู่สวัสดี ก็แม่เทอญ
กัณฑ์ย่อยที่ ๒
เนื้อเรื่อง
ผุสติ ปิ โข สวยดังนางผุสดีล้ำเลิศ เข้าก็เอาผ้าผืนประเสริฐวางไป แก่สมศรีไวสะไภ้แต่วันนี้ ยามดี ให้ลูกมัททีทรง เท่าวันเทอญ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห กปฺปาสีกญฺจ ภิกฺขเว ดูรา ภิกษุสงฆ์ทรงศีลาจารย์ ควรรับทานอันวิเศษ กัลเยศมัทที ทรงสมศรีหลายภาค ด้ยวผ้าหลาก
รังษี ราชผุสดีตนแม่ประสงค์ให้ข้าไซ้แนบนำมา กปฺปสีกญฺจ ผ้าผืนหนึ่งชื่อว่า กัปปาสีกพัสดุ อันเกิดแต่กัปปาสีกะรัฎฐะ นครขวาง เป็นผืนผ้าบางสะไบบ่า แพงพันค่าแสนคำ คนฺตวา แวนซับเชื่องช่างยายเยื่องยอเขา ทอเป็นผืนเบาบางผิวผ่อง ด้วยฝ้ายหย่องยอผง ปิดปุยยงยีย่าย เพียรหลายคาบบดเคี้ยวดีตบแต่ง ข่าเข้าแบ่งเป็นขาว เส้นแรกยาวใยยอด สาวเส้นออกสมกัน ใส่ฟืนพันฟัดตำ เพียรทุกวันค่ำวันคืน ทอเป็นผืนดีดีสุดขนาด วรรณะพิลาศด้วยลิงลาย เส้นเชิงชอละชิด ช่างประจิตด้วยฮูปต่างๆนานา สพฺเพ มาลาลายเลียนลาด เดียระดาษด้วยลายเคลือจอมเจือจาวจ่อ ประสิทธ์ช้องช่องลายวัน สัพพสันมีทุกสิ่ง มีทั้งฮูปประหิตหงส์สนานปีก กรวีกพร้อมทั้ง
หสดีลิงค์มีทั้งฮูปคุชสิงห์มอมม่าย กระต่ายเต้นเยืองผา มีทั้งฮูปมยุรีมยุราเฮฮ่อนอ้อนเอาใจ ภูมรีไชชมดอก มีทั้งฮูปท้าวหยอกเยียวนาง มังกรกุมกินนาค กุ้งก้วงกาบแกมปูปลาเพือนฟูตื่นเต้นลายแลบเส้นอ่อนสุขุมาลผ้าในจักกวาฬจักเทียมสอง ก็ยังยาก ท่อว่ามีแต่ในฟากฟ้าสวงสวรรค์ นางศรีพรรณกัลยาดาแต่งแล้วจึงใช้ให้าแก้วแก่นนำไป ถวายแก่สายสะไภ้ราชมัทรี กีแล โกเสยฺยํ ผ้าผืน 1 ชื่อว่า โกเสยฺย วตฺถา เช็งส่ากดค่าไว้แสนตระการ ช่างพิจารใจถี่ อันเกิดแต่ประเทศท้าวที่โกสัย กระทำด้วยไหมเหลืองเหลื่อมหลอก สาวเส้นออกเอาใย ย้อมแสงใสสะอาดคำเกี้ยวคาดเป็นผืน ผีจักยืนยังค่าเลิศล้ำกว่าแสนคำ มีวรรณะแดงดำหลายหลากเหลื่อมแหล่พากขาวเขียวรัศมีเทียวยี่ยั่ง ๆ ไหลหลั่งเหลือมเฮืองใสสุดขนาด งามพิลาศล้ำคำเกลี้ยวคาดกาสี ทันทีขาวก็ขาวสุทธะหยิ่งมีวรรณะสิ่งสังขาร คือดั่งบุษบาบานยีย่อง ผิวผ่องคือดั่งมุกแก้วส่องใสสี ทันทีแดงก็หากแดงงาม ยี่ยั่ง คือดั่งน้ำคั่ง ใส่ไต้คำ ทันทีดำก็หากดำงามยี่ย่าม คือดั่งปทุมราชเหลื่อมฮอง ๆ คือดั่งพระสุริยะโคจรผายผาดขึ้น แสงส่องพื้นธรณี ทันทีอ่อนก็หากอ่อนดีสุดขนาด คือดั่งหงษ์สมาสเพี่ยงบัวใขรัศมีหลายหลาก คือดั่งดอกบุญนาคน้อยสร้อยสุรภี จำปาปีกรรณิกาก้านเกษ บานพวงเพดอโนชา คือดั่งบุษบาบานแบ่ง งามพ้นแพ่งสองสนิท ชอระชิดดี มีทั้งฮูบกินนรีกินนรอนฮูปราชสีห์เสือสางช้างม้าฮูปพรหม 4 หน้าใส่สร้อยสังวาฬ ฮูปพระยามารผู้ใจกล้า อยู่ฝากฟ้าสวงสวรรค์ ฮูปพระจันทร์งามใสส่องฮูปพระสุริยะเทียวท่องไปมา ฮูปมาลาไขกาบนกน้อยคาบเคลือวัลย์ สมสอดแสวงหากันดิ้นดั่นมีทั้งฮูปท้าวปั่นนำนาง มือกอดคอรูปไหล่ ทัดดอกไม้ใส่สร้อยเกษา มีทั้งฮูปพระยาอินทาเจ้าตนผ่านเหง้าสงสาร มีทั้งฮู) พระยายมบาลตนองอาจ ฮูปพระบาทนารายณ์ ดอกดวงยายสะพาด เดียระดาษหมู่ลายวัน สัพพสันมีทุกสิ่ง มีทั้งฮูปม้ามิ่งมโนทร ลายมังกรกุมนาค สัพพภาคพร้อมริจนา เป็นวัตถาผืนวิเศษ นางแก้วเกศผุสดีสุพรรณกัลยาดาแต่งแล้ว จึงใช้ให้ข้าแก้วแก่นนำไปถวายแก่สายสะไภ้ราชมัทรี ก็มีแล
กัณฑ์ย่อยที่ ๓
เนื้อเรื่อง
กัณฑ์ย่อยที่ ๔
เนื้อเรื่อง
กัณฑ์ย่อยที่ ๕
เนื้อเรื่อง
หว่านเข้าตอกสอนลอน อาภรณ์เฮืองเครื่องย้อง ยอยื่นช้องทูลถวาย ทั้งยิงชายน้อยใหญ่ เพื่อว่าได้เจ้าใหม่มาเสวยเมือง เวสสันดรบุญเฮืองภูวนาถ ให้เครื่องเหล่นหลากเต็มเมืองเสียงนันเนืองทุกแห่งเล่นมะโหระสพแต่งเต็มดี ให้มนตรีไปป่าว บอกข่าวทั่วทั้งท้องเขตนคร ว่าพระญาเวสสันดรมาฮอดไพร่ฟ้าจอดจินดา โผดสัพพสัตตา ฝูงใส่หับ คือว่าหมูใส่คาหมาใส่คอกวอกผูกแอว แมวใส่หับ กับใส่หนูปู่ใส่ข้อง จอกแจกจับไก่ใส่ยาง ฝูงหมู่คนเทียวนางผูกค้อง ฝูงเขามีโทษต้อสูเจ้าแต่ภายหลังอันใส่คอกฮังฮิงแฮม ติดจิบแจบจำจอง พระก็ปุนปองปลอยโผด ให้เขาพ้นจากโทษทุกคนให้หายคำกังวลประปล่อย แม่นว่าฝูงเฒ่าถ่อยชราการ ผู้ติดตามชิดเชือก ใส่เล่มเลือกกระแจจัน ฝูงหมู่คนขายงัวควายในนาราช อันจักวินาสค้าขายกิน พระนอรินทร์ก็ให้ปองปล่อยโผด ให้เขาได้พ้นจากโทษ ว่าเป็นทุกข์ให้เถิงสุขสำราญตามบุญสมภารภูวนาถ อันมาเสวยราชเมืองขวางปางนั้น ฝูงชาวชนบทยินดีต่าง ๆ ถ้วนหน้าถ่องโสภาฮู้ข่าวว่ากูมาเสวยราชเป็นพระญาเขาจักมาขอทานเชิ่งกูแลนา อหํ อันว่ากูมาเป็นพระญาตนใหม่ก็ไป่ทันมีสังฝูงหมู่นายเล่มสาง ก็ไป่ทันวางสังสักสิ่ง บัดนี้กูจักได้วัตถุสิ่งอันใด ใหเป็นทาน แก่ยาจกคนขอนี้จานอในขณะบัดนั้น หินแก้วเกิดกับบุญแห่งพระญาอินทาธิราช คือว่าหินบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์อันเป็นทิพอาสนา สังขะหยายาวโยชน์ หินนั้นโสดได้ 60 โยชน์คัณนะนา ลวงกว้างตาบ่อแผกได้ 50 แทกคัณนะนา ลวงสูงหนาสังขะหยาว่าได้ 15 โยชน์ หินนั้นโสดไสแดงมีรัสมีแสงหยะไหย่ เป็นดังดอกไม้ใหม่เมื่อนงบาน เป็นปกติงามบ่อมีขาด บ่อแข๋งบ่อหยาบฮ้ายเพียงงาม เมื่อพระญาอินทามานั่งสุดแถวถั่งท่วมจมลง ประมาณเพียงแอวองค์ เมื่อนั้น บั้นอินทาธิราชลุกออกแล้วจากอาสนาแก้วเพียงงาม ทส เสสิ สำแดงอาการอันกระด้าง ยังอันม้างจากปกติ อันอ่อนสุขุมาล สกโก อันว่าพระญาอินทาธิราช อาวสเชนโต ก็ฮ่ำเพิงเถิงอัศจรรย์อันล้ำเลิศ ก็บ่อเห็นผู้ประเสริฐสร้างสมภาร ก็จึงปลงทิพพจักขุวิญญาณยศยิ่งก็จึ่งเห็นพระเวสสันดรเจ้าผู้มีบุญมาก เสด็จจากป่าไม้เข้าเมือเมือง ยินคำเคลืองใจท่าน เพราะว่าผู้ผ่านด้าวปรารถนา ตาวเทว ในเมื่อพระญาอินทร์ฮู้แล้ว ก็จึงให้ยังห่าฝนแก้ว 7 ประการ วสสาเปสิ ก็ให้ห่าฝนแก้วตกลงมาในคุ้มพระญาหนวันตกแลวันออกขอกไต้แลหนเหนือ ดังมาชนชีชั่ว ตกลงมาในคุ้มน้อยราชวังหลวง ลวงสู่มีประมาณเพีงแอว ตกในเวียงเพียงหัวเข่า ตกทุกวันตกทุกคืนบ่อขาดตกลงมาจีจุดจีจาด ตกลงมาชะหล่ายชะลน ตกลงมายะยุดยะหย่าย เสียงดังมาประปุ๊ปปะป่ายไหลลงมาสะลุดสะหล่าย ปานดั่งน้ำฟ้าหยาดไหลหลั่งลงมา แก้วปัพพาเฮืองฮุ่ง แก้วมณีพุ่งรัศมีแก้วพิฑูรย์มีค่ามาก แก้ววชิระหลากกั่วแก้วทั้งหลายแก้วปัพพราหมณ์ลายงามเถิงขนด เป็นชาติแก้วทิพย์อันประเสริฐงามล้ำเลิศกั่วแก้วในเมืองคน ก็ให้ตกลงมาบูชาโพธิเหง่า พระญาเวสสันดรเจ้าผู้มีบุญก็มีแล ภิกขเว ดูราภิกขุสงฆ์ทั้งหลาย โส โพธิสตโต อันว่าโพธิสัตว์ตนวิเศษ ตามประเทศแห่งพุทธังกูลมหากษัตริย์ขัตติยะวงศา พระกษัตตาธิราช เชื้อชาติบ่อให้ขาดสืบ ๆ มา ทานํ ทตวา ตั้งแฮกแต่อันได้ ห่าฝนแก้ว 7 ประการ เจ้าก็ให้ยังทานเป็นนิจจะการบ่อขาด เสวยราชสวัสดีย์ ฮ้อยเอ็ดปีเป็นขานเจ้าจึ่งมรณาตกจากชาติอันเป็นพระญา อุปชชติ ก็ได้เอาตนเมือเกิดในชั้นฟ้าเลิศตุสิตา ปรากฎชื่อว่าตุสิตาเทวบุตรเสวยศรีสมบัติทิพย์ เจียระกาลนานประมาณว่าได้ 2 พันปีทิพย์เป็นขนาด เจ้าจึ่งฮับราชนิมนต์ แห่งเทพดาตนเป็นประธาน ลงมาตรัสผะหญาสัพพญุตตญาณเหนือแท่นแก้ว ระมารแล้พระก็ลวดโคจร เอาสัตตนิกรเหลือหลายโกฎิ พระก็เสด็จเข้าสู่นิโคตรห้องอาราม อันเป็นสถานงามเลิศล้ำ แฝงฝังน้ำโลหิณี พระก็อาศัยเชิ่งเมืองกปิลวัตถุห้องนครคาน พระก็ชักเอามายังมหาเวสสันดรเทศนา อันประดับประดาไปด้วยคาถาประมาณพันหนึ่ง ว่า ชาตกํ ภิกขเว ดูราภิกขุสงฆ์ทั้งหลาย เมโฆ อันว่าเมฆอันใหญ่และตกลงมาในที่ชุมนุมแห่งญาติกาวงศาพระตถาคตะมีสภาวะปานดั่งนั้นแล้ว
กัณฑ์ย่อยที่ ๖
เนื้อเรื่อง
พระตนแก้วจึ่งตะมวนเอายังอตีตะขันธ์มาพัฒนาจากับดอมกัน อาห ก็กล่าวเป็นโอระสะคาถาอันสุดอันช้อย น้อย 1 จักบอระบวนว่า ชูชโก เทวทตโต กิญจิมิตตตา ปน เจตปตโต ฉนนมจโจ ดั่งนี้เป็นเค้า ภิกขเว ดูราภิกขุทั้งหลาย พระตถาคะตะฮ่ำเพิงเถิง ปัจจุบันอันล่วงแล้วปางก่อน จักกล่าวเถิงพราหมณ์ผู้ชื่อว่าโชนชก ใจนารกต่อเฒ่าคางว้ำเว้าคือผี ใจบ่อดีฮูปฮ้าย มาได้นางหนุ่มเหง้าเฒ่าปูมขวงไช้ช้าเมียหนุ่มหน้าเบียดเบียนใจ มันก็จำเฒ่าไปหลงพงไพรประเทศ ฮอดที่ท้าวทรงเพศสร้างสมณะธรรมมันก็ขอจอมสวรรค์ลูกท้าว พระเวสสันดรผู้ผ่านด้าวยอถวาย อัศจรรย์ทั้งหลาย หมายมีเสียงเนืองนันบ่อขาดสายฟ้าฟาดภูเพ เพราะว่าพราหมณ์ใจมารกริ้วโกรธ กระทำฮ้ายโหด 2 ศรี ปางนั้นเทวทตโตก็หากแม่นเทวทัตตัดเถรกระทำเวรสู่ชาติ แก่พระบาทไทธิราชตถา บ่อมีใจกรุณาสักหยาด หมดเสี่ยงชาติไปสู่อเวจี อิทานิ ในกาละบัดนี้แลนา ชูชกชายา อมิตตตา อันว่านางผู้ใดนั้นโสด หน้าช้อยโชติโสภา ชื่อว่านางอมิตตะตาหนุ่มเหง้า ได้พราหมณ์เฒ่ามาเป็นผัวเมื่อนางหัวแยมๆ 2 ปางแก้มแปลกผางทอง เติมว่านางปองหนีบ่อได้ ขี่ไฮ้หนี้พรามณ์ติดตนวันนั้น บ่อแม่นคนใดไครต่างหน้า กิญจิมาณวิกา ก็หากแม่นนางผู้มีมายาแฮงฮ่อ อุ้มท้องฮ่อต่อพระบุญเฮืองตถาคตแผ่นดินอดบ่อได้ ยะช่องไว้ไปไหม้ในอเวจีอิทานิ ในกาละบัดนี้แลนา เจตปุตโต อันว่านายพราหมณ์เจตบุตร ตนบริสุทธิ์ตะเดินป่าถือหน้าไม้คั่วเดินดงปางนั้น นโน ก็หากแม่นมหาฉันนะอามาตย์ อนเป็นนายม้าแก้ววระคัณฐะ สมภาชักออกบวชลวดได้ชื่อว่าฉันนะเถรในกาลบัดนี้แลนา อจุตโต อันว่าดาบส อันปรากฎในคิรี ชื่อว่าอจุตตะรัสสีปางนั้นก็หากแม่นมหาสารีบุตร ตนบริสุทธิ์ด้วยปัญญา เกิดมาได้เป็นสาวกก้ำขวาแห่งกูพระตถาคตะในกาละบัดนี้แลนา วิสุกมโม อันว่าวิสุกรรมเทวบุตรตนฉลาดฮูฮับพรากพระราชอาชญา แห่งพระญาอินทาธิราชลงมานีรมิตยังพระปัณณะศาลาทั้งผาลาหมากไม้ ไว้ให้แก่ขัตติยะรัสสีปางนั้น ก็หากแม่นมหาโมคคัลลาน์ตนมีฤทธีอนุภาพผาบโลกา เกิดมาได้เป็นสาวกก้ำซ้ายแห่งกูพระตถาคตะในกาละบัดนี้แลนะ สกโก อันว่าพระญาอินทาธิราช ตนให้ห่าฝนแก้ว 7 ประการ ตกลงมาพร่ำเพ็งสมภารโพธิราชปางนั้น ก็หากแม่นอนุรุทธะเถระ ในกาละบัดนี้แลนา สญชยโย อันว่าพระญาศรีสญชัยตนประเสริฐล่ำเลิศกว่าชาวสีพี ปางนั้น คือพระญาศรีสุทโทธนะมหาราช อันเป็นพ่อพระตถาคตะในกาละบัดนี้แลนา ผุสสติ อันว่านางผุสดีอันเป็นเมียหน่อท้าวยศทั่วด้าวเมืองไกล ชื่อว่าบรมศรีสญชัยแว่นฟ้า คือว่านางศรีมหามายาผู้ผ่านแผ้ว ได้เป็นแม่พระตถาคตะแล้วแลได้ไปเกิดในชั้นฟ้าเลิศตุสตา อิทานิ ในกาะบัดนี้แลนา มทที อันว่านางแก้วราชมัทที อันเป็นลูกสาวศรีพระญามัททะราช ชื่อว่านางน้อยนาถชายา ได้มาเป็นเมียพระนระเทพาโพธิราช อันชาวสีพีนอราชหากกำจัดหนี ไปบวชในคีรีป่าไม้ นาบ่อละแก่นไท้องค์เดียว คอยไปตามศรีเฉลียวสมบาท นำไปปฎิบัติไทธิราชผัวขวัญ ปางนั้น บัดนี้บ่อไช่แม่นคนไดไครต่างหน้า คือว่านางแก้วยอดฟ้ามิ่งมุงคุล ชื่อว่านางยสุนทราพิมพางามแง่ อันเป็นแมแห่งเจ้าราหุลกุมาร ในกาละบัดนี้ แลนา ชาลีกุมาโร อันว่าเจ้าชาลีราชกุมารลูกสมภารภูวนาถพระบาทไทธิราชให้เป็นทาน แก่ชุยชะกะพราหมณ์วันนั้น ก็หากแม่นเจ้าราหุลกุมาร สมภารตนตกแต่งบวชแล้ว ก็หากแม่นลูกแก้วกูพระตถาคตะ ในกาละบัดนี้และนา กัณหาชินา สวนดั่งนางกัณหาอ่อนน้อย อันเป็นน้องหล่าช้อยชาลีโชนชกผีเอาจาก ฮ้องให้อย่ากกินนมวันนั้นก็หากแม่นนางอุบลละวรรณาบานแบ่ง โฉมเจ้าแข่งเขียนมาทังหูตาพิลาศ คิ้วคล้อยคลาดควรชม คอกลมแกนนมตุ่มเต้า เป็นที่สะบั้นเข้าใจชาย ไครเห็นดายอยู่บ่อได้ แดดิ้นไหม้แสนกระสัน นอนคือฝันแฝงกอด ใจจงจอดเฮฮน เพราะว่านางได้กระทำโกศลบุญมาก ใจเจ้าหากชมบาน เพื่อว่านางได้ให้ทานผ้าดอกคำแต่ชาติก่อน บุญนั้นหย่อนนำสม อานิสงค์ ผ้าดอกคำมาบานแบ่ง โฉมเจ้าแข่งสาวสวรรค์ รสกระจวนจันทร์หอมหื่น ไผเห็นชื่นถนัดใจ แม่นมีทุกข์ในใจคลั่งเเค้นก็หากหายลางคนลืมแลงงายงองผ่อลอนท่อรูปอกห่อดอมดาย เป็นที่สะบั้นเข้าใจชายฝูงได้เห็นคิดไคร่อยากชมคลีคล้อย ลางคนปองฮ้างชู้แหนงสู้กั้นใจตายคิดอยากบายโลมลูบ คิดไครจูบน้าวมาชมลือนางทั่วนครกงขงเขต ทั่วด้าวเทศเมืองไกล ฝูงบ่าวไทท้าวหนุ่ม สะภู่พร้อมชิงกัน นางหลิงเห็นเหลีวว่าจักเป็นโทษ นางจึงระปริโพธิย้าวเฮือนเสียหนีมาบวชลวดได้ชื่อว่านางอุบลวรรณาเถรี ภิกขุณีในกาละบัดนี้แลนา ฉฎฐิสหสสโยธิโน โยธาหาญทั้งหลาย 6 หมื่น หน้าช้อยชื่นโฉมงาม เกิดมาตามพระบาท เจ้าจอมนาถพระรัสสี ปางนั้น บัดนี้คือว่าบริษัท 4 ประการ อันผากฎในสัปปุริสะรสบ่อมีประมาท ตั้งอยู่ในโอวาทกูพระองค์ ได้ทรงสรณาคมเป็นประถมในสำนักบรมสัตถา ในกาลบัดนี้แลนาเวสสนตาโร ราชา อันว่าพระญาเวสสันดรตนใด มีใจอันประเสริฐประกอบด้วยกรุณา ปรารถนาเอาสัพพัญญุตญาณดวงผ่านแผ้ว ให้ลูกแก้วแลเมียฮักเป็นทาน ในเขาวงกตปัพพตคีรีเพื่อจักถือเอายังยอดทานปารมีดวงยิ่งเพื่อจักให้ได้ตรัสสัพพัญญูเป็นครูไตร่ตรองโลก นำสัตว์ให้พ้นจากโอฆะสงสารนั้น อหํ เอวํ คือองค์กูตถาคต ตนกระทำให้เป็นประโยชน์โผดสัตว์โลกให้พ้นข้ามจากโอฆะสงสาร ให้ได้เถิงเมืองแก้วกล่าวคือว่า อมุตตมหานครนีรพาน อยู่จีไจ้ ๆ บ่อได้ขาดสาย ในกาละบัดนี้แลนา ตุมเห ภวนตา อันว่าท่านทั้งหลายเมื่อจักฟังธรรมอย่าได้เหลียวหลังแลเอิ้นปาก อย่าได้ใส่ผ้าพอกเคียนหัว ให้ตั้งตนตัวให้ชื่อฟังแล้วจื่อจำเอา ไว้ในใจทุกตนทุกคนเท่าวันเทอญ นครกณฑํ ประดับประดาไปด้วยคาถา 48 พระคาถา นิฎฐิตํ ก็เสด็จบอรบวร มหาเวสสนตรชาตกํ ประดับประดาไปด้วยพระคาถาพันหนึ่ง นิฏฐิตํ ก็เสด็จบอรบวรควรเท่านี้ก่อนแล ฯ