กัณฑ์ย่อยที่ ๑
เนื้อเรื่อง
ผุสฺสติปิ โข เทวี ปุตฺตสฺส เม กฏุกํ สาสนํ อาคตํ กึ นุ โข กโรติ ชานิสฺสามีติ ดูราสัปปุริสาทั้งหลาย ทั้งหญิงชายแก่เฒ่า พร้อมกันเข้ามาฟัง ตติยํ ยังทานขันฑ์ กัณฑ์ถ้วน 3 ต่อไว้ พระแก้วแก่นไท้เทศนาล้วนแต่ความโศกาหมกไหม้ ฮ้องฮ่ำไห้เต็มเมือง เหตุว่าความแค้นเคืองเป็นการใหญ่บ่าวไพร่ไล่นายหนี ผุสฺสติปิ โข เทวี เมื่อนั้น บั้นนางแก้วผุสดี ผู้เป็นวรมเหสีแห่งพระยาสญชัยแก่นเหง้า นางแจ่มเจ้าผู้มารดา กฎุกํ สาสนํ ได้ยินข่าวสาส์นอันแสบฮ้อน ชาวเมืองข้อนคุกคี จักขับลูกตนหนีบ่ให้อยู่ ในเมืองแก้วกู่ประเชชัย นางนงค์ไวคิดฮ่ำฮอดว่าลูกแก้วยอดเสน่หา จักพากันกระทำฉันใดนี้จา ควรกูนางบ่ช้า ไปเยี่ยมลูก แก้วยอดฟ้าสืบข่าวสาส์น นางนงค์คาญคิดแล้วโดยพลัน ฮีบผายผันด้วยยานอันน้อย กับทั้งข้อยข้าบริวาร ขึ้นสู่สถานโฮงราช แห่งโอรสาธิราชเวสสันดร เสด็จเข้าไปสู่ที่นอนสะใภ้ แก้วแก่นไท้มัทรี ฟังสองสีลูกแก้ว ฮำฮ่อแล้วสองแก้วต้านต่อจากัน ฟังเสียงนางมัทรี รำพันเถิงหิมวาส ใจนางจักขาดด้วยทุกขเวทนา มีน้ำตาอันไหลนองย้อยหยั่ง นางแก้วคั่งฮ่ำไฮ ว่า วิสํ มยา ภุตฺตํ กูกินยาพิษให้ชีวิตมรณาต หลือโตนจากปราสาทให้ตายเสีย หลือผูกคอตายเสียด้วยเชือกห้อย ให้มรมิ่งม้อย มอดชีวา เสยฺโย แวนประเสริฐ ลำเลิศกว่ากูมีชีวิต ติดกับด้วยความทุกข์ยาก เหตุพลันพรากจากลูกฮักทั้งสอง อันหาโทษบ่ได้ ท้าววรแก่นไท้ปิตตากับทั้งเสนาอามาตย์ ชาวสีพีราชใหญ่น้อยพร้อมกันใส่ถ้อยขับหนี ตี๋ลูกกูว่าให้ทานช้าง จักแป่ม้างครองเมือง พร้อมกันเคืองใส่โทษ หวังประโยชจักขับหนี อชฺฌายิกํ ลูกกูเจ้าพระยาเวสสันดรตนวิเศษ จบไตรเพสทุกประการ ทานปติ เป็นใหญ่ในทานจีใจ้ ทุกชาติได้พำเพ็งมา ยาจโยคํ มีเมตตาไพร่ฟ้า ยาจกกล้าขอทาน มีใจบานชมชื่น สมบัติยื่นบ่หวงแหน บ่ดูแคลนเลี้ยงพ่อแม่ คารพเฒ่าแก่ในตระกูล กระทำคุณปองปิดโทษ ให้เป็นประโยชน์แก่ราชการ สร้างสมภารเผื่อผายโผด กระทำให้เป็นประโยชน์แก่มนุสสาแลเทวดาทั้งหลาย กับทั้งเสนาแลไพร่ฟ้า ถ้วนทุกหน้าย่อมยินดี ดั่งลือชาวสีพีใหญ่น้อย พร้อมกันใส่ถ้อยว่าบ่ดี จักขับลูกกูหนีเสียจาก ให้พัดพรากบ้านเมืองตน นี้จา อิติ สา ปริเทวิตฺวา คันว่านางศรีพรรณกัลเยศ บ่นทะเวสไห้ฮำไฮด้วยประการดั่งนี้แล้ว จึงเข้าไปสู่สำนักสองจอมจักรลูกเต้า เล้าโลมให้สองเจ้าชื่นชมบานด้วยประการดั่งนี้แล้ว นางแก้วก็กลับคืนที่อยู่ เข้าไปสู่ผัวขวัญยอมือสวนใส่เกล้า นบบาทเจ้ากล่าวคาถาว่า มธุเนว อเนรกํ ดั่งนี้เป็นเค้า ข้าไหว้เจ้าสามีโก เวสสันตาโรลูกฮักข้า ดังลือพระองค์จึงยอมให้ไพร่ฟ้าไล่ขับหนี อทุสฺกํ โทษบ่มีสักหยาด เหตุดังลือมหาราชเจ้าจึ่งบ่พิจารณา ก็ข้านา ดั่งผู้ข้าจักอุปมาถวายเหตุ ขอให้พระจอมเกตพิจารณาดู มธุ อันว่าฮวงผึ้ง อเนรกํ อันหาแม่หวงแหนบ่ได้ หลือผลไม้มีหมากม่วงเป็นต้น หล่นจากต้นเหนือดิน สัตว์แลคนจักกินบ่ได้ยาก บ่ได้ลำบากหากเป็นของสาทาน ยถา อันนั้นแลมีฉันใด เอวํ เหสฺสติ เต รฏฺฐํ เชตุตฺตรนครอันวิเศษ ปราศจากพระเวสสันดรลูกแก้วผู้มีบุญ ก็จักเศร้าศูนย์เป็นของสาทาน แก่ข้าสึกศัตูรเมื่อภายหน้า ตถา ก็มีอุปมัยดั่งนั้น แท้ดีหลี อโถ ประการ 1 หํโส อันว่าพระยาหงษ์ตัวขนาด มีเชื้อชาติว่า ธตรฏฺโฐ ปริวาโร มีบริวาร 8 หมื่น มียศล้นหลื่นบ่บกบาง มีปลีกหางหล่นเสียเสี้ยง ซบเซาเลี้ยงล่องลอยตัว ยินปารมฮ้อนไหม้ ทุกข์ยากไฮ้อยู่ตนเดียว ยถา อันนั้นแลมีฉันได อันว่าสมเด็จพระบาท เอโก ราชา เป็นพระยาเสวยราชอยู่ตนเดียว เสนาอามาตย์เขาบ่เหลียวอุปัฏฐาก ก็จักลำบากหยิ่งหนักหนา ยถา ก็มีอุปมาดั่งนี้แท้ดีหลี ข้าไหว้พระภูมีตนองอาจ ขอให้มหาราชเจ้าจงอย่าได้มีความโศกเศร้าจงอยู่สวัสดี อย่าได้ว่าจักขับลูกตนหนีเสียจากบุรีราช ขอให้พระบาทเจ้าฮ่มเพิง ก็ข้าเทอญ ตํ สุตฺวา ราชา ที่นั้น บั้นบรมศรีสญชัยนรินทร์ได้ยินแล้ว ยังถ้อยคำนางก้วผุสดี อันเป็นวรมเหสีผู้เหง้า พระบาทเจ้าตอบนางเมืองว่า ภทฺเท ดูราเจ้าผุสดีผู้แวนหยิ่ง กูจักขับลูกแก้วกิ่งหนีจากเมือง ตามคำเคืองใจไพร่ เป็นอันได้ชื่อว่าเฮาไต่ตามธรรม คมรบยำประเวณีคลองติดต่อ ตามจารีตหน่อกษัตตา สืบกันมาบอกขาด เหตุเจ้าเวสสันตราชเฮ็ดบ่ดี ให้ชาวเมืองตีใส่โทษ ให้ชาวเมืองโกรธทั่วแผ่นดิน ชาวเมืองติฉินนินทาขำเขือก เหตุให้ช้างแก้วเผือกเป็นทาน บ่ไซ่การอันชาวเมืองจักปาก เฮาพระบาทหากฮู้อยู่เต็มใจ แต่เหลือวิสัยอันเฮาพระองค์จักเพิงแก้ การใหญ่แท้ป่วนทั้งเมือง เขาแค้นเคืองทุกถ้วนหน้า คนเป็นบ้าทั่วดินแดน เหมือนดั่งไฟแสนกองเผาผาสาท คนฉลาดฮีบแล่นหนีเป็นความดีพ้นจากความฮ้อนไหม้ ข้ออุปมานี้ ฉันใด คันเฮาบ่ตามใจไพร่ฟ้า เขาจักฆ่าลูกชายเฮาตาย จักฉิบหายเสียประโยชน์กูพี่จักได้ใส่โทษเพียงขับหนี เพื่อจักรักษาชีวิตลูกแก้ว พอให้แล้วแห่งโทษสัง บ่ใช่กูพี่ชั่งสักหยาด ใจกูพี่ดั่งจักขาด เหตุสงสาร บุญสมภารเฮาทั้ง 2 หากอยู่ไปภายหน้า ก็จักได้เห็นหน้าลูกแก้วกำพร้าเมื่อภายลุน บ่สงกาแท้ดีหลี นางเทวีอย่าโศกไหม้ อย่าได้ฮ้องไห้เสียงก้องขุ่นเมือง ก็พี่เทอญ
กัณฑ์ย่อยที่ ๒
เนื้อเรื่อง
สา ตํ สุตฺวา ปริเวทมานา อาห ถัดนั้น บั้นนางแก้วผุสดีศรีสุพรรณกัลยา ได้ยินวจนะกถาต้านต่อแห่งท้าวพ่อพระยาศรีสญชัย กล่าวปราศัยมีประมาณเท่านั้นบ่สงกา นางพระยาอดบ่ได้ฮ้องฮ่ำไห้ลูบออกอาง ทอดตนคางฮำฮ่อ อยู่ใกล้ท้าวตนพ่อพรรณา กล่าวเป็นไนยยะคาถาว่า ยสฺส ปุพฺเพ ทชฺชคฺคานิ ดังนี้เป็นเค้า ว่า ข้าแต่พระอยู่หัวเอยเป็นเจ้า พระลูกเต้าหน่อสายใจ เคยเสด็จไปเป็นหมู่ งามสะภู่ด้วยธุงไช เคยเสด็จไปในที่ใกล้และที่ไกล เป็นต้นว่าไปเที่ยวเล่นในป่าไม้แลสวนอาจอุทิยาน ย่อมองอาจด้วยทวยหาญแลเสนาอามาตย์ งามสะพาดด้วยประกือดำ อันช่างหากทำด้วยผ้าหลากหลายสี เขียวขาวมีเหลืองอ่อน ไปก่อนหน้าแลตามหลัง ยายยังไปชะภาสงามสะอาดแก่ตา กณฺณิกา ว คือดั่งกรรณิกา บานแบ่งสร้อยชะล้อยดอกแกมใบ เสด็จไปเป็นหมู่ เดินเป็นคู่เพียงกัน บายธุงผันกดแกว่ง งามพร้อมแพร่งพอตา ปุพฺเพ ในกาละเมื่อก่อน บัดนี้เจ้าต่อนตื้อเวสสันดร จักละนครแลปราสาท จักละทั้งอามาตย์หมู่ทวยหาญ จักละทั้งยวดยานแลช้างงม้า จักละทั้งข้อยข้าหญิงชาย เอโก จักเป็นคนหนึ่งผู้เดียวเดินชักไช้ จักเข้าไปอยู่ป่าไม้หอดหิวตาย แลนอ อเนกานิ แต่ก่อนเจ้าเวสสันดร เคยเสด็จโคจรไปเป็นหมู่ เคยเสด็จขึ้นสู่ช้างม้าและคานหาม คนตามหลังแลก่อนหน้า ย่อมนุ่งเสื้อผ้าเหลื่อมรังสี ประดับประดาดีสะอาดงามสะภาสเฮืองฮวย เจ้าเวสสันดรลูกแก้ว เคยประดับประดาแล้วด้วยเครื่องกษัตตา เคยไล้ลาทาจวงจันทร์หอมหื่นเคยชมชื่นนางฟ้อนแลนางขับ ดั่งลือจักไปหลับไปนอนคนเดียวในป่าไม้ ดั่งลือจักไปได้เข้าป่าไม้หย่างทางตีน ดั่งลือจักไปกินเผือกมันแลลูกไม้ ดังลือจักไปทรงผ้าเปลือกไม้แลหนังเสือ ดั่งลือจักไปทรงทุกข์เหลือแสนยาก แสนลำบากอยู่ตนเดียว ในไพรเขียวเผื่อนเนื้อ แก้วสืบเชื้อแม่พลอยตาย แลนอ สุณิสา จ เจ้ามัทรีสะไภ้แม่ เคยสนุกแต่ในเมือง บ่ห่อนเคืองสักหยาด เคยอยู่ในผาสาททาจวงจันทร์ ปานดั่งสาวสวรรค์ฟากฟ้า ไปก่อนหน้านางนักสนม สมนางงามสะอาด เคยยัวระยาดด้วยเก้าอี้สีวิกาย เคยผันผายด้วยยานคำแลช้างม้า เคยนุ่งผ้าอุทุมราชแลกาสี มุธุตลา มีพื้นตีนอันอ่อน ไปแต่ก่อนเคยใส่เกิบหย่างเทียวทาง ดั่งลือนางตีนบางจักไปได้ในป่าไม้เหยียบหินคม ดั่งลือนางอุดมจักไปทรงผ้าเปลือกไม้ ฮ้อนแสบไหม้จ่มคายคีง นางจักไปเห็นลิงแลหมาจิ้งจอก หอนฮ้องบอกทางไป นางจักตกใจกลัวสะท้าน มีตนอันสะบั้นสั่นสายไปมา วารุณิ อิว เหมือนดั่งแม่มดอันผีเข้า ทรงมัดเกล้าหลูดเฮยฮวย นั้นแลนา ปุตฺเต ในเมื่อลูกเจ้าพระยาเวสสันดรตนผ่านแผ้ว คเต แลเสด็จไปแล้วจากเมืองตน แลมีดั่งนั้น อหํ อันว่ากูแม่จักได้เสวยแต่โสกา เหตุไปมาโฮงราช เห็นปราสาทเปล่าศูนย์หาย บ่เห็นสองจอมสายลูกแก้ว กูแม่จักได้ไห้ แจ้ว ๆ อยู่เหิงนาน กุรริว กูนี้เหมือนดั่งแม่นกกระจอกเถ้า ลูกเต้าท่านตีตาย เห็นฮังตายท่านม้าง ทุกข์โศกอ้างเหิงนาน เป็นดั่งกูนางคาญคิดเถิงสองราช มาเห็นผาสาทเจ้า เป็นทุกข์โศกเศร้าแก่กู นี้เด อโถ ประการ 1 กูนางเป็นดั่งแม่นกกระจอก ท่านได้ถอกฮังเสียบินมาเห็นฮังเปล่า ฮ้องหลายเหล่าเวหา บินไปมาทุกแห่ง ฮ้องว่าลูกแก้วแม่อยู่หนได บ่เห็นในสักแห่ง แม่นกแม้งใจตาย แลมีฉันใด คือกูนางหาลูกบ่ได้ ทุกข์โศกไหม้เหิงนาน บันดานเถิงลูกเต้า ทุกค่ำเช้าหอดหิวตาย แลนอ เทว ข้าแด่พระอยู่หัวเอยเป็นเจ้า ข้าน้อยเศร้าเสียใจ ทุกข์ภายในเฮ่งฮ้อน บ่าวไพร่ข่อนขับนาย มญฺเญ ดังข้าจักตายมรณาต ขอให้พระบาทเจ้าฮ่ำคณิงดู ก็ข้าเทอญ
สพฺพา สิวิกญฺญาโย เมื่อนั้นสวนว่านางนักสนมบรมกัลยา แห่งพระยาบรมศรีสญชัยนอรินทา สุตฺวา ได้ยินยังเสียงไห้แห่งนางแก้ผุสดี ปริเวทิ สูนางทั้งหลายก็ฮ้องไห้ ฮ่ำไฮไปมาด้วยเสียงหมี่นองบ่ขาด ถัดนั้น นางราชกัลยาอันอยู่ในผาสาท แห่งพระเวสสันดรวรบุตร สุตฺวา คันว่าได้ยินแล้วยังเสียงไห้แห่งนางนักสนมบรมกัลยา ปกนฺทิตา ก็ช้ำฮ้องไห้พร้อมพร่ำกับกัน เสียงหมี่นั้นบ่ขาด โกจิ บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งอันอยู่ในผาสาทราชเวสน์ แห่งบรมกษัตริย์ทั้งสองนั้น อสกฺโกนฺโต บ่าจจักดำรงค์ทรงตนอยู่ได้ ปติตฺวา ลวดฮ้องไห้แล้วล้มถ้าวตายไปมา สาลา คือดั่งไม้ฮังหลวงฮ่มฮ้อน ลมต้องอ่อนนวยนาย หมู่ลมหลายสะหวาด ต้นไม้ขาดนอนจม เสติ นางนักสนมลูกเต้า ให้ฮ้ำเฮ้าเกื่อนเต็มโฮง ก็มีแล ตสฺส รตฺติยา อจฺเยน ในกาละเมื่อเสี้ยงแห่งคืนอันนั้นแลฮุ่ง พระสุริยพ้นพุ่งขึ้นมา เสนาผู้นักการตกแต่งมหาทานเสร็จแล้ว อาโรเจสิ ก็เมือทูลถวายเหตุแห่งพระเวสสันดรเจ้าตนเป็นเหง้าวรบุตรว่า ข้าไหว้บุพพิตเป็นเจ้า ทานํ อันว่าสัตตะสัตกะมหาทาน แห่งพระวรภูบานเจ้า มยา ปวตฺติตํ อันผู้ข้าตกแต่งแล้วสู่ประการก็ข้าแล อถ ถัดนั้น พระเวสสันดรกษัตริญ์ตนวิเศษ นหาเปตฺวา อาบองค์ทรงเกษแต่เช้า โภเชตฺวา เสวยเข้าน้ำโภชนะอาหารมีรสสาหลายประการดูสนิท อลงฺกริตฺวา ประดับประดาองคะเนื้อตนด้วยเครื่องราชอลังการ มีหมู่เสนาแลอามาตย์ สหชาติโยทา มาเป็นบริวารแล่นอ้อม อุปฺปากมิ ก็เสด็จไปสู่ศาลาทาน เพื่อยังประสาทให้ยังสัตตะสัตกะมหาทาน มีประมาณบ่น้อย แลสิ่งแลเจ็ดฮ้อยแท้ทุกอัน อาณาเปตฺวา พระจอมทันจึงอานัต ยังอามาตย์สหชาติโยธา ด้วยคำว่า ตุมฺเห เจ้าทั้งหลาย เทถ ก็จงให้ตามความอยากได้ปรารถนา วตฺถานิ คนไดถามขอผ้า สูจงให้ต่อหน้าทันใจ สุรา คนไดถามกินเหล้า สูจงชักเข้าใกล้จำกิน โภชนํ คนไดถามกินเข้า สูชาวเจ้าแต่งเดาดา เนื้อปลาหลายสะภู่ ชักเข้าสู่จำกิน อโถ เขาขออันได สูอย่าหย่อน อย่าผันผ่อนทานไป อชฺฌายิ คำฮ้ายสูอย่าว่า อย่าไดด่าตีเขา ฐเปถ เข้าน้ำแลปลามันฮีบพากันแต่งถ้วน ให้อิ่มล้วนทุกคน เจ้าจอมพลเสด็จทุกแห่ง พระบาทเจ้าแต่งเททานก็มีแล
กัณฑ์ย่อยที่ ๓
เนื้อเรื่อง
ตทา ในกาลเมื่อนั้น ยาจกวณิพกคนทั้งหลาย อาจิกฺขึสุ เขาก็ขยายข่าวสาส์น อาการอันนั้นแก่กันว่า โภนฺโต ดูราชาวเฮาทั้งหลายเอย อย่าได้ช้า ฮีบอ่วยหน้าไปรับทาน พระภูบานเวสสันตราช ฮ้องประเทศต่อกันไป ทั้งคนใกล้แลคนไกล ต่างคนได้เข้าฮับทาน พระภูบาลตนหยิ่ง เจ้าจอมมิ่งโอยทาน สตหตฺถี ช้างสารดี 7 ฮ้อย กับเครื่องสร้อยสังวาลคำ ให้จำนำประดับหูทั้งคู่ หมู่ช้างใหญ่ใส่ลายคำ สุวณฺณา โคนทองคำเครื่องแผ่ว มุงมาดแก้วทุกตัว เหมวตฺถา ผ้าปกหัวยอหย่อง วรรณส่องสุขุมมาล อารุยฺห ฝูงควนเคยขึ้นคู่ กระดิงอยู่ทุกตัว โตมลํ นายหัวถือขอก่าย นายท้ายหยาดยืนขวง สตฺตสตอสฺสา 7 ฮ้อยตัวม้าหมิ่น เจ้าฟ้าจิงโอยทาน ทั้งแคมทองหมอนมาด ผ้าอ่อนลาดแพใบ อาชไนตัวงามแง่ ม้าต้นแต่สินธุไว อารุยฺห นายขึ้นขี่ไปสะอาด นุ่งผ้าลาดกวยลาย มือขวาถือแส่หวายเพราะน้อย มือซ้ายส้อยจับขนัน สตฺตสตกผานิ 7 ห้อยเกวียนกวยแกว่ง เจ้าฟ้าแต่งเป็นทาน สนฺตานิ ฮ่มพิดานเครื่องย้อง ทุกที่ช้องห้างอยู่ที่เปลหลัง เสือสางของป่า ลายข่วยข่วงเสือเหลือง สัพพอาภรณ์เฮืองสะอาด เกวียนแก้วราชเงยงาม อารุยฺห นายขึ้นตามขับแข่ง เกวียนแก้วแต่งกงกวย จำมรีทายขอข่าย ปืนยายหยาดธูนอาจเอาชัย สตเธนุ แม่งัวนมชื่นช้อย 7 ห้อยให้เป็นทาน สพฺพา กับทั้งไตคำงามดวงใหญ่ แต่งใส่น้ำนมงัว สตทาสทาสี ข้ายิงชายผู้ใจหม่อ7 ฮ้อยก่อโอยทาน สุสิกฺขิ สั่งสอนดีช่อยไช้ สั่งสอนให้เสมอกัน สุสญฺเญ มรรยาทดีหนุ่มหน้า เป็นข้าแต่งตามตน สตราชกญฺญาโย นางราชกัลยาทั้งหลาย 7 ฮ้อยประดับเครื่งสร้อยสังวาฬ โสมนางคาญแช่มช้อย แย้มหน้าสร้อยแขไข ตีนมือใสสะอาด ขึ้นขี่รถราชเหล่มละองค์ ตามประสงค์พระบาทเวสสันตราชก็ประสาทให้ทาน ของประการหลายหยิ่ง แลแสนสิ่งและ 7 ฮ้อยตามที่ถ้อยดังกล่าวมา ยังวัตถาผ้าผ่อนเสื่อสาด อ่อนแพรพัน อนันตัง นับประมาณบ่ได้ พระยอดไท้ให้เป็นทาน เข้าปลาอาหารนับบ่ได้ ตกแต่งให้เป็นทาน สุราเมรัยเหล้าเต็มไหเต็มพาด พระบาทเจ้าให้เป็นทาน เป็นของผิดวินัยคลองทานแห่งนักปราชญ์ พระเวสสันตราชแต่งตามใจ บ่ให้คนผู้ใดได้ลำบาก มาเถิงอยากเทกิน พระนอริน โอยทานบ่ต่ำ แต่เช้าจนค่ำหมดเวลา อันเทวดาหากบันดลชูช่อย บ่ปล่อยให้เสียการ ให้มีผู้มาฮับทานบ่ขาด ท้าวพระยาสามันตาทั่วแดนดิน สมจินตนาดั่งนี้แล้ว พระตนแก้วปรารถนาด้วยคำว่า อิทํ เม ทานํ ผลานิสงส์แห่งทานผู้ข้าบ่ไช่น้อย ขอให้ผู้ข้าตัดยอดสร้อยสัพพัญญูให้ได้เป็นครูสั่งสอนโลก นำสัตว์ให้ข้ามพ้นจากโอฆะสงสาร ในอนาคตกาลเมื่อภาพหน้า ก็ข้าเทอญ
ตทา สิยํ ภึสนกํ ยามเมื่อ สัตตะสัตกะมหาทาน อันพระภูบานให้แล้ว แลมีดั่งนั้น บั้นอัศจรรย์ทั้งหลายหมายมีหนังหัวพองทุกถ้วนหน้า อินพรหมอยู่ฟากฟ้าอ่วยโอยพร ยอมือประนมกรช้อยชื่น เสียงดังตื่นมนัสการมหาปฐวี แผ่นดินดานไหวหวั่น ฟ้าสนั่นก้องระงมฝน ฟังเสียงคนไห้ฮ้อง สนั่นก้องทั่วทั้งเวียงชัย ยาจโก ยาจกคางฮ้องให้คิดเถิงพระบาทไท้ บ่นฮ่ำไฮว่า อจฺเฉสุ ไพร่ฮ้ายฮอนเอากิ่ง ตัดไม้มิ่งเย็นเมืองดีหลี ชาวสีพีฝูงไพร่ ตัดต้นไม้ใหญ่อันเป็นยาทั้งปุบผาสู่ด้าน ทั้งกิ่งก้านใบหนา อันเป็นยาแก่คนเป็นพยาธิคนอาพาตไข้ผอมเหลือง ไม้มุมเมืองฮ่มกว้างฝูงไพร่ฟ้าม้างฮอนใบ สพฺพกา มีมักอันใดบ่ไฮ้ ให้ได้ดังจงใจ อจฺเจสุ ไม้มุ้งเมืองฮ่มกว้าง ฝูงไพร่ม้างข่อนฮอน สพฺพา มักอันใดบ่ไฮ้ ทุกเมื่อได้ตามใจ ยถา คือขุนไทผู้ใจกว้าง เป็นฮ่มท้างสงสาร ไพร่น้อยงานจำจาก ขับท้าวพรากเมืองหลวง คนทั้งปวงทุกแง่ ทั้งเฒ่าแก่แลปานกลาง ตีอกอางโศกเศร้าให้สังเจ้าเต็มเมือง นิกฺขามิ ยินแค้นเคืองลำบาก ปางท้าวจักจากเวียงชัย สีวินํ จำเริญใจไพร่ฟ้า เหตุเจ้ายอดหล้าแต่งตามธรรม อติยกฺข กระเทยแลคนทอกหมอเฒ่าออกขับผี อิตฺถี นางโรงฮีเฮือนราช เฝ้าผาสาทเฮือนหลวง พาหา ตีอกทวงแสบไหม้ ฮ้องไห้หอดหิวตาย ดิ้นดั่นสั่นสายปานขาขาด ปางท้าวจักคาดคาเมือง สีวินํ เจ้าจำเริญเฮืองฮ่มกว้าง เลี้ยงไพร่ฟ้าตามธรรม อิตฺถีโย ยิงชายทั้งสาวหนุ่มน้ำตาชุ่มโลมตา ผาฮมฮักท่านไท้ ตีอกไห้เต็มเมือง นิกฺขามิ พระยาบุญเฮืองจอมราช จักได้พรากสีพี สีวินํ จำเริญดีแก่ไพร โดยด้ามไตร่ตามธรรม โอโลทา นางเฮือนหลวงชาวแม่ อุ้มเอาแต่กุมาร เวณิชฺชา พ่อค้ามีประมาณบ่น้อย พราหมณ์ใส่สร้อยสังวาฬ พาหา ตีอกอางคีคล้อย ไห้ฮ่ำถ้อยปราณี นิกฺขามิ เจ้าจอมศรีบุญมาก จักได้คลาดคลาเมือง สีวินํ ท้าวใจขวางทุกหมู่ไพร่ฟ้าอยู่เย็นใจ หตฺถาโรหา นายช้างไส่อกฮมนายม้าก้มชบเชา รตฺถีกา นายรถม้ามัวมืด ไพร่ฟ้าอืดอัดใจ พาหา ปารมในแสบไหม้ ตีอกให้หอดหิวตาย นิกฺขามิ เจ้าฟ้าผายเลี้ยงไพร่ จักม้างไป่เอาหนี สีวินํ จำเริญศรีชมชื่น ไพร่ฟ้าตื่นเต็มเมือง สมณา ฝูงชีเฮืองแลชาวเจ้ายินโศกเศร้ามัวเมา อญฺเญ ยาจก เหงาชมแชบ ฮ้องไห้แทบดอมดาย พาห ตีอกตายสะลุ่ม น้ำตาชุ่มเนืองนอง อธมฺโม ไพร่ทั้งปวงผันแผ่นถ่วนหน้าแก่นอาธรรม ยถา ท้าวควรยำตนผ่านแผ้ว ทานช้างแก้วเกิดกับบุญ ชาวเมืองปุนหาเหตุว่าเจ้าพระยาเวสบ่ได้การ ท้าวโอยทานหลายเหล่า ของเก่าแต่เมืองตน สีวินํ ไพร่สนไส่โทษว่าฮ้อยโสดขับหนี สมฺมา เจ้าใจดีจักจาก พลัดพรากบ้านเมืองไป คนฮ่ำไฮฮ้องไห้ คิดถึงพระบาทไท้ทั่วทั้งเมือง มีแล
กัณฑ์ย่อยที่ ๔
เนื้อเรื่อง
ทาเน ในเมื่อสัตตะสัตกะมหาทาน อันพระภูบานเวสสันตราช ได้ประสาทให้แล้วชื่นชมบาน เสด็จเข้าไปสู่สถานบังคับผาสาท นั่งเหนืออาสน์เสวยเข้าน้ำโภชนะอาหาร มีรสสาหลายประการเลิศแล้ว พระตนแก้วจิงจินดาว่า บัดนี้ควรกูพระกษัตขัตติยะ แก่นไท้ เข้าไปไหว้พระวรปิตตามารดา ขอทูลลาออกไท้เพื่อจักเข้าป่าไม้บวชเป็นชี ในเมื่อเสี่ยงราตรีแห่งคืนวันอันนี้ คันพระองค์คิดแล้วกับนางแก้วราชมัทรี พร้อมกันดีทั้งคู่ อุ้มลูกน้อยเข้าไปสู่เฮือนหลวง แห่งพระวรปิตตามารดาแก่นไท้ ก้มกราบไหว้วันทา พระวรปิตตามารดาตนพ่อ ต้านถ้อยต่อทูลสาส์นว่า เทว ข้าแต่พระอยู่หัวเอยเป็นเจ้า บัดนี้ ไพร่ฟ้าเฮ้าโฮมขวัญ กวนพระทัยพระปิตุราช เหตุข้าพระบาทให้ช้างแก้วเป็นทาน พร้อมกันพาลใส่โทษ พร้อมกับโกรธขับหนี ข้าจักไปเป็นชีทรงเพศ ในท้องเขตหิมพานขอแก่พระภูบานแก่นไท้ จงอนุญาตให้อย่าหมองใจ ผู้ข้าจักไกลพลัดพราก จากอกพ่อแม่ทั้งสอง ผู้ข้าจักหลองกราบไหว้ พระบาทไท้ปิตตา เย เกจิ ราชา เนตฺวา ฝูงประมาทบ่าจให้ยังทาน มีใจพาลฮำฮ่อ ตั้งหน้าต่อกามคุณ บ่กระทำบุญคำรมยำแยงพ่อแม่ ทั้งเฒ่าแก่ในตระกูล ผู้มีคุณลวดประมาท คันมรณตไปเมืองผี ตกอเวจีแลเป็นเผด เหตุโลมล้นในกามตัณหา สังขยานับบ่ได้ บางพร่องเดือดฮ้อนไหม้ด้วยสันดาน ความฮักพาเป็นโทษ บางพร่องความกิ้วโกรธให้เสียการ โทโสพาลพาเป็นโทษ บางพร่องเสียประโยชน์ด้วยภัยยา ความกลัวพาให้เป็นโทษ บางพ่องโมหะโหดให้ถอยลง ความหลงมาเป็นโทษ บ่ให้หาประโยชน์ให้ไว้แก่ตน ขนขวายหาแต่บาป ละคาบแล้วลงไปไหม้ในอะเวจี ผู้ข้าบ่ยินดีในตัณหาความตระหนี่ บ่ได้ถี่เข้าของ ปองให้ทานจีไจ้ บ่หวงไว้เททาน ช้างสารตัวประเสริฐ ช้างแก้วเกิดกับบุญ เป็นช้างมุงคุลแห่งผู้ข้า ใจแกล้วกล้าให้ทานไปฝูงไพรเมืองโฮมกันเครียด ว่าข้าน้อยบังเบียดสีพี พร้อมกันขับข้าหนีบ่ให้อยู่ ในแก้งกู่ประเชชัย ข้าจักลาไปหนีจาก พลัดพรากห้องบุรีไปเป็นชีฮ้อนไหม้ ในป่าไหม้ไพรเขียว ทุกข์ตนเดียวผู้ข้า เป็นกำพร้าหม่นหมองใจ บ่มีไผ่เพื่อนข้าง มีแต่หมู่ช้างป่านันเนือง ทังเสือเหลืองมิคราช เดียระดาษเต็มไพรหมู่หมาไนแลเสือโคร่ง ฮ้องเสียงส่งเพิงกลัว มีทังงัวกระทิงแลควายเถื่อนทอระพี เขายาวฮีแหลมขนาด ฝูงช้างเชื้อปริวาร อยู่ป่าหิมพานต์ทั่วประเทศ เต็มท้องเขตพนาลัย ลูกลาไปเขาวงกต จักค่อยกระทำเพียร บ่ให้ติดข้อง ตามวาดห้องสงสาร ขอให้แก่พระภูบานตนพ่อ จงตั้งใจต่อทางธรรม จงพร่ำเพ็งบุญให้เป็นทานรักษาศีลทุกเมื่อ จงตั้งใจเพื่อกรุณาอุทิศสะส่วนบุญหาผู้ข้า อันจักเป็นกำพร้า พลัดหน้าพ่อเหิงนาน จักไปอยู่ในหิมพานต์ทุกค่ำเช้า มหาราชเจ้าจงอยู่สวัสดีก็ข้าเทอญ
มหาสตฺโต ส่วนดั่งพระมหากษัตริย์ตนวิเศษ กเถตฺวา ต้านจารจา ปิตรสทฺธึ กับดอมพระวรปิตตาตนพ่อ ด้วยประการดั่งนี้แล้ว พระตนแก้วจึงเข้าไปคำรพ กราบไหว้พระราชมารดา ในที่ใกล้ก้มกราบไหว้สั่งอำลาว่า อนุชานาหิ พระมารดาออกไท้ จงอนุญาตให้แก่บุตตา ให้ได้ไปปัพพชาทรงผนวชบวชแล้วอยู่ในสมณ์ อบรมพรหมจรรย์ทุกค่ำเช้า ขอให้แม่ออกเจ้าจงอวยพรก็ข้าเทอญ อหํ อันผู้ข้า ยชมาโน อันประสาทให้สมบัติของตนเป็นทาน ไพร่ฟ้างานจำจาก พลัดพรากบ้านเมืองตน ปติเสวิสฺสํ จักไปเสวยผลทุกข์ยาก ไปลำบากอยู่กลางไพร อันอาเกียรไปด้วยเสือเหลืองแลเสือโคร่ง ฮ้องเสียงก้องกลางไพร อันเต็มไปด้วยราชสีแลแฮดช้าง มันเสพอ้างอยู่เต็มดง ข้าจักออกไปอยู่ในพงไพรเพื่อนเนื้อ แกมผีเสื้อหมู่งัวควาย แม้นจักมีชีวิตก็หลอตายลำบากจักไปทนทุกข์ยาก พลัดพรากพ่อแม่เหิงนาน ก็ข้าแล ตํ สุตฺวา เมื่อนั้นบั้นพระราชมารดา ได้ยินวาจาลูกแก้ว นางฮ้องไห้แล้วโอยพรว่า เจ้าเวสสันดรลูกฮักแม่ใจเจ้าแผ่ไมตรี จักไปบวชเป็นชี ทางนักปราชญ์ แม่ก็อนุญาตให้บวชเป็นสมณา ตามคำปรารถนาแห่งเจ้า อย่าได้ทุกข์โศกเศร้าพร่ำเพ็งเพียรก็แม่เทอญ อยญฺจ มัทรีศรีสะไภ้ เจ้าจงไว้อยู่ในเมือง ให้นางบุญเฮืองเลี้ยงลูกอ่อน เจ้าจงผ่อนอย่าเอาไปเถิงนา เวสฺสนฺตาโร อาห เมื่อนั้นบั้นเวสสันดรกษัตตริย์ วตฺตา จึงกล่าวว่า อมฺมา ข้าแต่แม่เจ้า น อุสฺสเภ ข้ายิงชายเด็กน้อย มหาดข้อยทั้งไท บ่มักไปก็เล่าหย่า เถิงป่าพุ้นตามใจ นางงามไวบ่มักไปเป็นคู่ไว้ให้เจ้าอยู่สะบาย
กัณฑ์ย่อยที่ ๕
เนื้อเรื่อง
ตโต พระสญชัยบรมนาถ พระบาทต้านนาง ยาจิตุ มัทรีศรีแก่นไท้ ลูกสะไภ้พ่ออย่าไป เทอะนา สา มาลาธเร นางเคยไลลาจวงจันทร์ลูบไหล่ ทัดดอกไม้ของหอมดั่งลือ นางจักยอมไปทรงผ้าเปลือกไม้ทุกข์ฮ้อนไหม้หยิ่งนักหนา น คมิสฺสติ นางอย่าได้ว่าจักไป ในพงไพรเป็นคู่ ปู่ห้ามเจ้าอย่าไป เทอะนา ตมพวิ มัททีศรีสะใภ้ ยอมือไหว้ขานไปด้วยความว่า ข้าแด่พระจอมหัวเอยเจ้าข่อย ข้าน้อยหากขอตาม น หนฺตฺวา ความสุขมีไส่น้อยค่อยๆ บ่มีมัวจักละผัวกำพร้า แหนงข้าผูกคอตาย อพวิ พระสญชัยผู้ฉลาด จาสะใภ้ราชมัทที อิทํ มัททีศรีหน้าหน่อ ตั้งหูต่อดีหลี วเน ทุกข์อันไดมีในป่า จักว่าให้นางฟัง พหุคีตา แม่นอนเว็นแลแตนต่อ ฮังท่อตุ่มต้องคีงพลอง ทากตองแลแมงบ้ง เหลือกหัวป้งแลแมงวัน ยุงขมคันปลีกบิ่น ฮิ้นตัวน้อยมากเหลือหลาย ตอดคิ่งคายทุกค่ำเช้า หม่นหมองเศร้าเสียศรี อปเร เจ้ามัทที จักได้เห็นสัตว์ฝูงอื่น ใหญ่ลื่นล้นตัวยาว อชครา ชื่อว่างูเหลือมหลาว ตัวมันยาวยืดๆ ยืดๆแล้วจึ่งบืนไป มีพิษบ่ไวแฮงมาก เนื้อนกหากมากายมันกวยหางเกี้ยวกอด ชักมาฮอดกลืนกิน อจฺฉา หมีดำนิลแฮงมาก เห็นแล้วบ่ยากหนี มันเเล่นผันผายขึ้นต้นไม้ มันขึ้นได้แล้วเที่ยงกัดตาย มหึสา ควายเขายาวตัวใหญ่เห็นคนไล่แสวงชนเสียงระงมทุกค่ำ นอนท่าน้ำทม ๆ ทิสฺวา นางจักเห็นหมู่เนื้อ กินหญ้าเฮื้อในไพร งัวเถื่อนไปเป็นหมู่ กวางฟานหมู่เล็มเกียง เธนุ มึงนางคือดั่งแม่งัวเลี้ยงลูกอ่อนน้อย ฮู้อิ่นอ้อยชมผัว ทิสฺวา นางจักเห็นลิงแลค่าง บางน้อยแลเห็นลาย เห็นคนกลายยื้อหยอก มืนตาหลอกเต้นไปมา โสภณา นางจักได้ยินเสียงหมี่ก้อง จิกจอกฮ้องเพลิงกลัว มีตนตัวไหวหวั่น สนั่นเดินกลางทางมึงนางบ่เคยเห็นเถื่อนกว้าง ทั่วทอกข้องเขาเขียว อยู่คืนเดียวดั่งลือ จักได้แทบอกไหม้ตาย ท่อนา อโถ ประการ 1 ยามกลางวันแลยามค่ำ ฟ้าตกต่ำพอดี เสียงชะนีแลเจียบ่าง นกเขาฮ้องเสียงหวาน เสียงขานหมี่ก้อง ดังทั่วท้องไพรเขียว ดั่งลือมึงนางจักใคร่ได้ค่อยๆ นางนาถน้อยจักเอาไผไปตามนี้เด ตมพวิ มัททรีศรีหนุ่มเหง้ายอมือสวนใส่เกล้าสาธุการ กราบทูลสารคำพ่อ ตอบต้านต่อพระองค์การ ด้วยคำอ่อนหวานองอาจบอกอาวาสแก่พ่อผัว ว่า เทว ข้าแต่พระองค์เหนือหัวเอยจอมเจ้า ข้าน้อยจักเหล่าทูลสาร ยานิ ทุกฺขานิ ทุกข์อันใดมีท่อฟ้า ข้าน้อยจักก้มหน้าข่อยอดเอา ขอตามเงาคะข่อย ผัวข้าแต่น้อยๆยังงาม ขอตามไปในเถื่อน เป็นเพื่อนเท้าผัวขวัญ หนทางเทียวไปยาก หญ้าฮกมากตีบตัน มีหลายพันธ์ต่างๆ คือว่าหญ้าไชคาแกมแผก หญ้าแพด หญ้าคมบาง ขวางหนทางสะหล่าย หญ้ามุ้งกะต่าย หญ้าป้องก้ายแลคมบาง ข้าจักเอาอกอ้างข้างเพิก ให้หญ้าล้มเลิกเป็นครอง ข้าจักปองไปบ่ให้ยาก บ่ให้ลำบากแก่ผัวตน แลนาพ่อเอย ยา สา ข้าแต่พระปิตาเป็นเจ้า ข้าจักเว้าให้เห็นเหตุ ผู้เพศเพียงแห่งฝูงยิง อันมีคำคนิงสะภู่เข้าหมิ่นหมู่จวงจันทาน้ำมันให้ชุ่ม มักใคร่ได้ชายหนุ่มสมสาย เมื่องายบ่กินเข้า อดแต่เช้าให้แอวบาง มัดกลางตัวด้วยเชือกลวดเพื่อบ่ให้ท้องน้อยสวดสูงกลาง อคิสฺส เมื่อฮ้อนผิงไฟพอกให้เนื้อออกเป็นสาวเมื่อหนาวอาบน้ำแต่เช้า เนื้อบ่เศร้าชุ่มบานงามฝูงสาวฮามฮ้างม้าย คนดูฮ้ายทั่วทั้งเมือง เวตพฺพํ กิยา อันเป็นหม้ายฮ้างตกถ่อยฮ้ายแก่ฝูงชาย ห่างดิ้นตายวัดเหว่า ฝูงบ่าวเย้าไยหัว พระอนู่หัวเอยเป็นเจ้า ข้าขอเข้าไพรสณฑ์ จักไปตามตนภูวนาถ อปฺปสา ยิงไดผัวพรากข้าง เป็นแม่ฮ้างอยู่ดอมเผ่าวงศา แม่นว่ามีเข้าของนา ๆ หลายสิ่ง ช้างม้ามิ่งงัวควาย ยินสำบายบ่ไฮ้ ยังได้คำป้อยด่า แต่มิตรสหาย คนทั้งหมาย ดูหมิ่น หนักสิ้นซ้ำบ่ยำ นที แม่น้ำทั้งหลายใหญ่กว้าง น้ำขาดท้างทรายมูล ท่านว่าบ่เป็นมุงคุลสักหยาด นคฺคํ ผู้เสวยราชตายไปในเมืองไดใหญ่กว้าง ท่านว่าเมืองนั้นฮ้ายฮ้างเปล่าเสียดาย ชาติกองไฟปรากฎไปทั่วด้าว ขุนหน่อท้าวเสวยเมืองมียศเฮื่องไช่น้อย ฮ้อยเอ็ดท้าวหากลือชา สามิกา ผัวตนเดียวผู้ประเสริฐ บังเกิดให้ปรากฎ มียศแก่ฝูงยิงควรคณิงคล้อย ๆ ข้าน้อยได้นิทาน ขอแก่พระภูบานตนพ่อ ข้าน้อยยินลักอาย คนทั้งหลายในลุ้มฟ้า ข้าจักก้มหน้าต่าวตามผัว ก่อนแล พระอยู่หัวเอยเป็นเจ้า ยิงฝูงไดใหญ่น้อยเห็นผัวเป็นข่อยข้า ตกถ่อยช้าขีนใจ บั่นไดจักสิ่ง หอดไฮ้ยิ่งขีนใจ เทียนหย่อมขวนขวยเลี้ยงไจ้ ๆ จึงได้ชื่อว่ายิงดี คันเห็นผัวตนขี่ไฮ้ แลจักหนี ยามเมื่อยนังเป็นดีมูลหมั่ง เป็นเจ้านั่งปุนปอง ยิงจองหองจักอยู่เป็นคู่แก้วผัวขวัญ พระจอมทันเอยเจ้าฟ้า ข้าน้อยบ่ให้ผัวตกต่ำช้าสักอัน เทวดาผู้อยู่สวรรค์ฟากฟ้า หย่อมอ่วยหน้ายอคุณนางใจบุญหายาก บ่ลำบากด้วยผัวตนในเมืองคนหาบ่ได้ ยามเมื่อผัวขี่ฮ้ายตกต่ำช้า ก้มหน้าต่ออดเอาดาย เทวดาทั้งป่าเทียรหย่อม หากเสิกเสินย้องยอเกินบ่แล้ว ว่าแก้วแก่นฝูงดี ข้าน้อยมัทรีบ่มีให้ผัวตกต่ำช้า เป็นกำพร้าพอยาม ขอตามตรงไปในป่าไม้ดงดอน แม้นว่าผัวข้าตาย จักตายตรอมได้ ในป่าไม้หินผา แม่นว่าแผ่นดินหนาใหญ่กว้าง ทุกข์ท่อท้างมหาสมุทรทสนคร เงินคำนองสะภู่ ให้ข้าอยู่ปุนปอง แก้วแหวนนองท่อฟ้า เงินคำกล้ากว่าแสนเยีย ให้ข้าละหนีเสียจากผัวไกลคู่ ข้าแต่เจ้าตนปู่จอมทัน ข้าจักไปดอมกันอยู่ป่าไม้ ขอแก่พ่อออกไท้จอมศรี ข้ามทรีจักเล่าเหตุ ประเภทแห่งผู้ยิง หลิงเห็นผัวหาเข้าของบ่ได้ ผัวทุกข์ไฮ้ดีหลี ความสามหาวมีประมาท ข่มไว้วาดยิงดาย ปองหาชายผู้อื่น มีเข้าของชื่นชมกัน ละผัวขวัญลำบาก ยิงชายหากอาธรรม ข้ามัทรีบ่ยินดีจักสิ่ง ขอแก่เจ้าจอมมิ่งปิตา จงกรุณาผายโผด อนุญาต โทษดีหลี ข้าจักเป็นชีในเถื่อน กำพร้าเพื่อนผัวตน พ่อเอย นิกฺขามิ ข้าไหว้พระอยู่เอยภูวนาถ ลูกมหาราชเจ้าองค์ดี เสวยสีพีใหญ่กว้าง ท้างอยู่สร้างปุนปอง บ่ผิดคลองจักสิ่ง ไพร่ฟ้าจึ่งขับหนีข้าน้อยมทรีนามหน่อ ลูกสะไภ้พ่อดีหลี ผัวเจ้าหนีข้าบ่ยู่จักเข้าสู่ไพรสณฑ์ พระจอมพลเอยเจ้าข่อย อย่าได้ห้ามข้าน้อย แม่นว่าห้ามค้อย ๆ ข้าน้อยก็มีฟัง แลนา ตมพวิ มทฺที พระสญชัยแก่นเหงา พระบาทเจ้ากล่าวคำควร ว่ามัทรีเอยศรีสะไภ้ พ่อห้ามไว้เจ้าก็บ่มีฟัง ยํ กุมารํ สองศรีเฉลียวลูกแก้ว ฮักบ่แล้วเสมอตา ชาลีกัณหาหลานปู่ สองแก้วกู่เทียมตา จงให้สองเขือหลานอยู่ก่อน ยังอ่อนน้อยไป่เคยทาง เจ้าจงวางกุมารทั้งคู่ไว้กูปู่เลี้ยงหลาน เทอะนา ตมพวิ มัทรีศรีองอาจ ไหว้พระบาทสญชัย อันว่าหลานนงค์ไวทั้งคู่ หลานแก้วปู่ทั้งสองศรี คือชาลีกัณหา ไว้เสมอตาเทียมข้างทุกข์ท่อช้างก็หาย ข้าน้อยบ่ตายจักเอาไปเป็นเพื่อน อยู่ป่าเถื่อนเป็นชี อยู่ดอมพระรัสสีทุกค่ำเช้า คันว่าเห็นหน้าสามเจ้า ก็อยู่ยินดี พระภูมีเอยตนปู่ เผือข้าอยู่ฉันใดสองศรีไวทั้งคู่ ก็จักอยู่ฉันเดียว พ่อเอย
กัณฑ์ย่อยที่ ๖
เนื้อเรื่อง
ราชา อา เมื่อนั้น พระยาบรมศรีสญชัยตนปู่ ขอนงค์ไวทั้งคู่เพื่อจักให้อยู่ในเมืองด้วยคำแค้นเคืองระห้อย สงสารหานน้อยพรรณา ว่า ดูราเจ้ามทรี อันว่าหลานสองศรีทั้งคู่ เคยสนุกสำราญ ด้วยอาหารอันประเสริฐ เคยนุ่งผ้าเลิศเฮืองลาย เคยสะบายนอนปราสาทเคยลีลาสด้วยเก้าอี้สีวิกาย ดั่งลือ หลานไปอยู่ด้วยความทุกข์อยากลำบากด้วยอาหาร สองหลานจักไปนอนอิงต้นไม้ จักเจ็บไขทอดคีงตาย แลนา นางเอย นางจงคิดดูตรงถี่ บ่ฮู้ว่าจักเสียหลานแก้วที่ในไพรชะลือ คันว่านางบ่เอาไปให้อยู่ กูปู่เลี้ยงในวัง นางนักสนมทั้งชาวแม่เลี้ยง เจ้าแต่โดยธรรม ให้จำนำอุปฐากบ่ให้หลานได้ทุกข์ยากอยู่สะบาย แลนา เอวํ วุตฺเต ในเมื่อพระบรมศรีสญชัย ผู้เหง้าจาหน่อเจ้ามัทรี เสี่ยงราตรีขึ้นฮุ่ง พระสุริยะพ้นพุ่งเฮืองมา นายอาสารถแก้ว ห้างแล้วรีบนำมา เถิงศาลาคอยไท้นางสะไภ้มัทรี ยออัญชุลีกราบไหว้ ลาออกไท้พ่อผัวกับบัวนางทุกหมู่ ว่า เจ้าทั้งหลายเอยจงคอยอยู่สวัสดี กับทั้งผุสดีผู้เหง้า มัทรีเจ้าสั่งอำลา แล้วอุ้มเอาสองบุตตาทั้งคู่ ไปอยู่ถ่าผัวตน ก็มีแล ตมตฺถํ ปกาสนฺโต สตฺถา อาห พระทสพลตนวิเศษจักสำแดงเหตุให้ปรากฏ จึงกล่าวเป็นรสคาถาว่า ตมฺพวิ ราชบุตฺตี มทฺที สพฺพงฺคโสภณา ดังนี้เป็นเค้า ภิกฺขเว ดูราภิกขุสงฆ์ ตนทรงศีลใส่สะอาดอันว่านางแก้วราชมัทรี ยอเอ็งคะชุลีใส่เกล้า ไหว้ออกเจ้าถวายสาส์น ว่าข้าแต่พระภูบานตนปู่ อย่าได้ห้ามข้าอยู่ในเมือง อย่าได้เคืองสองหลานแก้ว เผื่อข้าพ่อแม่ไปอยู่แล้วฉันใด สองศรีไวทั้งคู่ จักไปอยู่ฉันเดียว ข้าจักทัวระเทียวไปหาลูกไม้มาเลี้ยงพระแก่นไท้ผัวตน กับทั้งสองกุมารลูกแก้ว นางสั่งแล้วประนมกร พรภูธรเอยตนพ่ออย่าได้เคืองดอมลูกน้อยหน่อสายใจ นางนงค์ไวสั่งแล้วอุ้มเอาลูกแก่นไท้ทั้งสอง ขึ้นสู่รถทองเล่มอาจ คอยถ่าพระบาทไท้ผัวตน มีแล ตโต ถัดนั้น บั้นพระเวสสันตราช ลาพระบาทไท้ทั้งสองขึ้นสู่รถเฮียงทองคู่ ม้าสองคู่ชูไป จากเวียงชัยเค้าคื่น คนหลายหมื่นหลายแสน ไปส่งแดนภายนอก ส่วนออกไท้ผุสดี เทวีตนเป็นแม่ ใช่ไปแก่ลูกชายตน เกวียนทั้งหลายแปดเล่ม เต็มไปด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ ให้พระภูธรลูกเต้า ยูท้างเจ้าเททานพระภูบานตนหยิ่ง เขาะขอดสิ่งทานไป เถิงเวียงไชภายนอก พ้นเขตขอกกำแพงเมือง พระบุญเฮืองอยากหลิงดูผาสาท ด้วยอำนาจบารมี ปถวี ก็แตกแยกให้ผากฏพอตีนรถคืนหลังสะภู่ อ่วยหน้าสู่เวียงชัย ก็มีแล เตน วุตฺตํ เหตุ ดังนั้น บั้นคาถาอันนี้ พระเจ้าเทศนาแก่มหาสารีบุตร ผู้บริสุทธิ์ด้วยปัญญาในจริยะปิฎกว่า โภ สารีปตฺต ดูราสารีบุตร ปางเมื่อกูพระตถาคตเป็นเวสสันดร ลาภูธรสองไท้ จักเข้าป่าไม้ออกจากเมือง พระบุญเฮืองแหล่งหล้า ตั้งหน้าผ่อคืนหลัง ดูลายเฮืองผาสาท เป็นที่อยู่เสวยราชแห่งพระวรปิตตา แผ่นดินหนาไหวหวั่นก้อง ฟ้าสนั่นฮ้องตื่นไปมา สิเนรุ ปพฺพตราชา พระยาดอยดวงขนาด กวยคาดค้อมสาธุการ เชิ่งทานแห่งพระยาทอินทาทิราชบังเกิดให้เป็นลาง แลนา สยํ สวนดั่งพระกษัตริย์ตนเลิศแล้ว เตือนนางแก้วหล่ำแยงว่า ดูรา เจ้ามัทรีศรีสะอาดเจ้าจงหลิงดูผาสาทแห่งสองฮา อันพระวรปิตตาเป็นเจ้า เสวยโศกเศร้าอยู่ภายหลัง ตโตถัดนั้น บั้นพระกษัตตาตนฉลาด สั่งอามาตย์ด้วยความดีว่า ให้คืนหนีทุกหมู่ สูจงอ่วยหน้าสู่เฮือนตนขวนขวายหาศีลแลทานอย่าได้ขาด อย่าได้พากันประมาท จงค่อยอยู่สวัสดีแด่เทอญ คันสั่งคนทั้งหลายคืนหมดแลว รถแก้วราชเข็นไป บอกสีไวคอยผ่อ อ่วยหน้าต่อคืนหลัง ยาจกหวังเตื้องต่อ ตั้งหน้าฮ่อตามมา เจ้าจงให้สัญญาแก่เฮาพี่ ถัดนั้นพราหมณ์ทั้งสี่ ด้แล้วขี่หนีเมือ ยังเหลือแต่เกวียนเปล่าฮ้าง บุญท้าวสร้างหากบันดาล เทวบุตรอยู่วิมานอดบ่ได้ฮีบลงมานีรมิตให้เป็นทวยคำเหมือนดั่งอัสดร เข้ามาชอนเทียบแอก ช้อนแล้วแบกหนีไป เหมืนอดั่งอาชไนธรรมชาติ อันนายม้าอาจสั่งสอนดี พระภูมีตนอยู่เกล้าชีบอกเจ้ามัทรี ว่าดูราเจ้ามัทรนีศรีสะอาด เจ้าจงดูมิคคะราชควรแยง เข้ามาแฝงเทียมแอก แบกแล้วแลพาไป นางสีไวก้มขาบ ด้วยอานุภาพบารมี ข้ามัทรีบ่สงกา โมทนาน้อมไหว้ พระบาทไท้ผัวตน มีแล ตโต ถัดนั้น บั้นพราหมณ์ผู้ถ้วน 5 มันบ่ช้าแล่นมาทัน ขอของสำคัญคือรถแก้วพระบาทไท้ให้ทานแล้วบ่าลัย เทวบุตรกับหายไปสู่ปราสาท ตโต ตั้งแฮกแต่นั้นไปภายหน้า เจ้ายอดฟ้าราชาก็อุ้มเอาสองบุตตาจอมนาถ เมียแก้วราชเสมอใจ เอากันไปด้วยตีนเปล่า กั้วผงเผ่าเท่าธุลี ก็มีแล ตมตฺถํ ปกเสนฺโต สตฺถา อาห สมเด็จพระอุดมตนวิเศษตรัสรู้เหตุ 3 ประการ จักไขอัตถานิทานชมชื่นแก่เจ้าภิกขุ 2 หมื่น อรหนฺตา จึงกล่าวเป็นไนย คาถาว่า ราชา กุมารํ อาทย ดั่งนี้เป็นเค้า ภิกฺขเว ดูราภิกขุทั้งหลาย ปางเมื่อท้าวเวสสันดร ทรงนครแวนหยิ่ง เผิ่นว่าฮ้ายจึ่งขับหนีท้าวก็พา 2 ศรีเมียแก้วออกจากแล้วเวียงชัย พระยาผู้ใจหม่อ ก็อุ้มเอาลูกแก้วหน่อชาลี ส่วนนางมัทรีตนแม่ ก็อุ้มเอาแล้วยังนางแก้วกัณหา 2 ราชาตนหยิ่ง ก็อุ้มเอาลูกแก้วกิ่งจอมไตร หนทางไกลแถวเถื่อน บ่มีเพื่อนพร้อมเทียวท่องหนทาง ท่อแต่ผัวเมียเดียวลูกน้อย ใจชื่นช้อยชมทาน อ่วยสู่ป่าหิมพานต์เป็นนักบวช ให้ทานแล้วลวดยินดี ด้วยประการดั่งกล่าวมานี้แล ทานกณฺฑํ ประดับประดา ไปด้วยคาถาสองฮ้อยเก้าพระคาถา นิฏฺฐิตํ ก็เสด็จบรบวนควรเท่านี้ก่อนแล