ผูกที่ ๑๑ กัณฑ์มหาราช
กัณฑ์ย่อยที่ ๑
เนื้อเรื่อง
โพธิสตฺโต จ มทฺที จ สมฺโมทมานา สกฺกทตฺติเย อสฺสเม วยึสุ โภ สาธโว ดูราสัปปุริสาทั้งหลายโพธิสัตโตขัตติยะพระกษัตริย์ ทั้งสองพระองค์ทรงนามะวิเศษ คือเวสสันดรกษัตริย์แลนางมัทที มีพระพรแก้วหากได้แล้ว แต่สำนักแห่งอินทา สมฺโมทมานา มีใจภิรมณ์ชมชื่นยินดีปิติโสมนัส อสสเมพระพรแก้วหากได้แล้ว แต่สำนักแห่งอินทา สมโมทมานา มีใจภิรมณืชมชื่นยินดีปิติโสมนัส อสฺสเมวสึสุ ก็อยู่สำราญชื่นบานในอาศรมบทศาลา สกฺกทิตฺติเย อันบรมอินทาทรงพระกรุณ ปลงอาชญาให้เทวบุตรลงมานิมิตรติดสถานไว้ วันนั้นก็มีแล ชุยฺชโกปิ เมื่อนั้น ส่วนดังพราหมณ์ผีเผด คเหตฺวา ถือเอาแล้ว ยังลูกแก้วพระกษัตริย์ ปฎิปชฺชิ ก็ไต่ไปสู่วิสัยหนทางไกลบ่โหด ได้ 60 โยชน์ คัณนะนาผิจักจาเป็นวา ได้ 4 แสนแปดหมื่นวา เทวตาโยอันว่าเทวดา อารกฺขา ฝูงวิเศษ ตั้งอยู่รักษาโขงเขตภูพะนัง อกํสุ ก็กระทำพิทักษ์รักษา สองเสน่หาพี่น้อง บ่ได้ต้องพยาธิโรคาสัง สุริยํ อตฺถํ คตํ ในเมื่อพระสุริยะลงแสงเสียเศร้า สวนดั่งเฒ่าถ่อยฮ้ายชราการ มันก็ผูกสองกุมารหน่อไท้ให้นอนอยู่แทบเค้าไม้ที่หม่นหมอง สยํ ส่วนตัวตนมันก็ปองคำย้าน เฒ่าถ่อยคร้านแปลงผามหนีเมือนอนตามต้นไม้ป๋าสองกษัตริญ์ไท้ให้นอนอยู่แทบดินดาย สยติ มันก็หนีเมือนอนสะบายบานสุทธะหยิ่ง เหตุว่ามันเก็งสัตว์สิ่งหมู่เสือสิงห์ ตสฺมึ ขเณ ในขณะเมื่อพราหมณ์เฒ่าถ่อยชูชีป๋าสองศรีทั้งคู่ ให้นอนอยู่เหนือเภณียังมีเทวบุตรตนวิเศษ บเพศเป็นดั่งเวสสันดรวรปิตาเข้ามา เอกา เทวธิตา อันว่านางเทวดาตนหยิ่งกับเพศเพี้ยงสิ่งนางแก้วราชมัทรีเข้ามา โมเจตฺวา แก้เสียยังเคลือเขาแข็งปักปวด แล้วนวดคั้นหัตถาปาทา คหาเปตฺวา ให้เสวยเข้าน้ำโภชนะอาหารทิพย์นานา สยาเปตฺวา ให้นอนอยู่เหนือทิพอาสน์บันทมพอเมื่อราตรีคมคล้อยคลาด ใกล้สุริยาดหากผายผัน เทวดาก็เอาสองพิมพาหน่อไท้ ให้นอนอยู่แทบเค้าไม้ตามเดิม โดยดั่งพราหมณ์หากผู้ไว้ 2 เทพพระแก่นไท้จึงกลับหนี มีแล เอวํ เต ทารกา สองเสน่หาพี่น้อง บ่ได้ต้องพยาธิโรคา เหตุว่าเทวดาหากรักษาบ่ขาด ก็ไปตามอำนาจแห่งชิณณพราหมาณ์มีแล ชูชโกปิ เมื่อนั้นสวนดั่งพราหมโณเฒ่าถ่อย มันคิดว่าจักเอาสองอ่อนน้อย เพื่อเป็นข้อยตักน้ำอาบนางอมิตตะตา อันเป็นภริยาเมียมิ่ง ฮักเพี้ยงสิ่งเสมอตา อันเทพดาหากบรรดลหัวใจให้มันหลงหนทางเมือฮอดเถิงยอดแก้วประเชชัย มันก็กลับไปบ่ช้า ได้ 15 วันกับวันนี้ใกล้จักฮอดราชวัง ตํ ทิวสํ บั้นบรมกษัตริย์ ปสฺสาสิ ก็เห็น สุปินํ ยังนิรมิตคำฝันเป็นอันดี ในราตรีคมคล้อยคลาด พระบาทเจ้าฝันว่า ชายถ่อยเฒ่าดำ ๆ หยิ่ง พลันเพี้ยงสิ่งเสมอตา นำมายังดอกบัวบานเฮืองฮอดเข้าใกล้ทอดทูลถวาย ราชาบายเอาดอกบัวบานทั้งคู่ สมสอดใส่ในหูทั้ง 2 ระอองฟองไกรสรบัวฟาดฟ้งขึ้นเมื่อสู่อกาศแล้วแลหยาดตกลงทับอกองค์สะดุ้งตื่น ปพุชฺชิตฺวา ชื่นทั้งถาม พระจึงทันหมอฮูฮากาชะโยค บริโภค พร้อมไทขันเขาก็โดยพลันเฮียนแล่น เลือกเอาฝูงคิ้วแม่นคือ พราหมาณ์ ปุจฉิ เจ้าจึ่งถามพราหมณ์ว่า ดูราพราหมณ์ทั้งหลายผู้เคยทวยคิ้วคลาด กูพระบาทบรรทมพอเมื่อราตรีคมคล้อยคลาด ใกล้สุริยะยาดผายผันกูพระองค์เห็นนิรมิต ก็ฝันเป็นอันหยิ่ง สูเจ้าทั้งหลายจึ่งกิตตนาดูโยค พอให้หายโศรกเศร้าโสกา แก่กูพระกษัตตาตนแก่นเหง้า อันโศกเศร้าในคำฝัน เท่าวันเทอญ ตโต เมื่อนั้น พราหมณ์ทั้งหลายผู้เคยทวยเคราะห์แลโชคเขาก็แก้ประโยคแห่งคำฝัน เขาก็โดยพลันเรียงเลข ตั้งเป็นเอกชาตา เขาก็คุณฮูฮาคิ้วคลาด อ่านเศษขาดโดยพลัน เขาก็พร้อมกันทวยทุกปาก เศษอันน้อยมากเป็นประมาณ ซ้ำพิจารแจ้งแจบ กดพับแพบทูลถวาย ว่าข้าไหว้ สมมุติเทโว สุปิโน อันว่านิรมิตคำฝันสมเด็จพระเป็นเจ้า ผิว่าตามเศษถ่านเค้า ว่ายังจักเป็นเคราะห์หลวงหลาย ผิว่าตามเศษถ่านปลายว่าจักยังมีโชค จักเป็นประโยชน์แก่พระจอมทัน เหตุว่าราหูเข้าเต็งจันทร์ถ่านต่ำเก็งจักเสียแสนส่ำแวนหลาย เก็งจักเสียงัวควายแลช้างม้าทั้งข้อยข้าหญิงชาย บ่หลายแลสิ่งแลฮ้อย คำมะนิกขะสร้อยชั่งพอพัน ผิว่าจักดูตามเศษถ่านกลางอังคารเข้าสูรย์จันทร์จูงนางนั่งแท่น ทวยให้แม่นตามโหร ผิว่าของหากตกมือโจรผิดเหล่าคืนมาได้ดังเก่าผิว่าเล่าตามเศษถ่านเทิง ระหัสก็ยังอยู่เต็งผาสาท ผิว่าทวยตามวาดฮูฮา นกงชาตาว่ายังมีโชคเพราะว่าโยคม้าอยู่เต็งอาน บ่ลูกก็หลาน เจียระกาลพลัดพราก หากมาได้สู่สมเด็จพระภูบาลเป็นเจ้าบ่ช้าก็พองาย บ่สวยก็พอค่ำ ล้ำกว่านั้นก็บ่ทวย ก็ข้าแล เมื่อนั้น บั้นพระบุพพิตาไท้ราช สุตฺวา ได้ฟังถ้อยคำทวยถวายจนะคดีศรี สนฺถาเปตวา อาบองค์สรงเกษชำระเพศด้วยน้ำเศษมุงคุล ภุญฺชิตวา ก็เสวยเข้าน้ำโภชนะอาหารมีรสสาหลายประการต่าง ๆ อลํกริตฺวา ประดับประดาดี นิสีทิ ก็นั่งอยู่เหนืออาสน์ อันอามาตย์หากปลูกแปลงดี ในโรงที่พิจารณา เทวตาโย อันว่าเทวดานำมาบ่ช้ายังพราหมาณ์เฒ่ากับทั้งเจ้ากุมารทั้ง 2 พี่น้อง มาตั้งไว้ช้องหน้าราชวัตร ตสฺมึ ขเณ ในขณะนั้น ราชาพระญาบรมศรีสญชัยตนวิเศษ ทอดพระเนตรหล่ำมรรคคา ทิสฺวา ก็เห็นยังเจ้ากุมารทั้งคู่ อันตั้งอยู่แลดูงาม อันจักถามเชิ่งอามาตย์ ด้วยบาทคาถาว่า กสฺเสตํ มุกฺขมาภาติ ดั้งนี้เป็นเค้า ดูราอามาตย์ทั้งหลาย เอตํ มุขํ อันว่าหน้าตาอันงามหยิ่ง สิ่งลูกพระกษัตริย์ กสฺส กุมารสฺส แห่งกุมารน้อยผู้ใด นี้จา มีสันฐานย้อยหยั่งดุจดั่งคำแดง อันช่างหากแปลงไว้ในเบ้า ผิวบ่เศร้าใสงาม จักว่าแม่นแนวนามเชื้อชาติยังต่างลูกอามาตย์มุนตรี ผู้ใดนี้จา อุโภ กุมารา อันว่าเจ้ากุมาร ทิสลกฺขณ มีรูปโฉมตะโนมพรรณวรรณะเนื้อตน ยังต่างลูกอามาตย์หมู่มนตรีผู้ใด นี้จา คือดั่งท้าวชาลียศยิ่งนางแก้วกิ่งกัณหา แท้ดีหลี อุโภ ขตฺติยา สองพิมพานั้นโสดคือดังเป็นเค้าโคตรวงศ์ษาเดียว ยามเมื่อเที่ยวไปมายอดยิ่ง งามเพี้ยงสิ่งเสมอกัน ทิสฺสนฺติ ก็ ปรากฎเห็นมา ชาตรูปมยเยว ดุจดั่งคำทั้งแท่ง อันช่างหากขัดแข่งใสดี ดุจดั่งราชสีห์สองพี่น้องออกจากห้องสัตตปัณณคูหา เอวํ เต ทารเก ราชา พระบรมศรีสญชัยตนวิเศษ วณฺเณตฺวา พรรณาย้องยอยังฮูปกุมารทั้ง 2 พี่น้องด้วยดี ตีหิ คาถาหิ ด้วยอุปมาอันหยิ่ง ถ้วน 3 สิ่ง คาถา อาณาเปสิ อาณาจักรอัคคะราชอาชญาใส่หัวเสนาอามาตย์ ฝูงฉลาดในราชบรรณกรรม ด้วยคำว่า ดูราอามาตย์ฝูงฉลาดเคยเทียวพัลัน เจ้าจงไปพลันมายังพราหมณ์เฒ่ากับทั้งเจ้ากุมารทั้ง 2 พี่น้องโฮยฮีบถีบโดยพลันให้ทันพระราชอาชญาเฮาพระองค์ นำมาอย่าช้ากับทั้งหลานกำพร้าทูลถวาย พอเมื่อสายสุริยะพุ่งขึ้นมา
กัณฑ์ย่อยที่ ๒
เนื้อเรื่อง
ราชา เมื่อนั้น บั้นพระบรมศรีสญชัยตนปู่เห็นหลานแก้วคู่อยู่กับดอมพราหมณ์ ปุจฺฉิ เจ้าจึงถามว่า กุโต นุ ตวํ ภารทฺวาช ดั่งนี้เป็นเค้า ดูราเฒ่าพราหมาณ์ดั่งเฮาจักถามเหตุอุปเทศแต่ภายหลัง ตวํ อันว่าท่านนี้นำมายังกุมารทั้งคู่ แต่ที่อยู่หนใดนี้จา ชูชโก อาห เมื่อนั้น บั้นชูชะกะพราหมณ์คันมันได้ยินคำถามภูวนาถ จึงถวายบาทบังคมประนมมือใส่เกล้า ดั่งข้าเฒ่าจักถวายเหตุแต่ภายหลังมา เต ทรกา 2 กุมารพี่น้อง บ่ได้ต้องพยาธิโรคาสัง ท่อว่าพระรัสสีเจ้ามีใจจงฮ่อ จิตตั้งต่อสัญญตตะญาณ มาละผาสาทให้เป็นทานด้วยชอบ บ่ประกอบด้วยอันซื้อและขาย ข้าเฒ่าขอดอมดายโดยหม่อ ใจตั้งต่อยังทานข้าเฒ่าได้สองกุมารเฮ็วอีบ ข้าเฒ่าถีบเดินมา ข้ามภูผาบ่ช้า ได้ 15 วันนี้ก็ข้าแล
ราชา เมื่อนั้น บั้นพระยาบรมศรีสญชัยนั้นโสด เจ้าจึงโจทนย์ถามพราหมณ์ ว่าฉันนี้เป็นเค้า ดูราท่านพราหมณ์ดั่งเฮาจักถามหาอุปเทศ เหตุท่านได้สองกุมารเฮ็วฮีบ แต่สำนักเจ้าจอมมิ่งรัสสี ด้วยวจนะคดีอันใดแวนยิ่งจึงได้หลานแก้วกิ่งกูมานี้จา ตวํ อันว่าท่านอย่าได้กล่าวคำหล่ายเฮาพระองค์ จงให้เชื่อคำสัจจะตามสภาวะอันมี ส่วนว่าเจ้าอจุตตะรัสสีตนนั้น บ่ใช่เชื้อชาติโยโส ตั้งแม่นอุปโตตนยิ่งธรรมชาติลูกแก้วกิ่งมหาวงศ์ เฮาไปเย๊าะยงอันหยิ่ง จึงให้ลูกแก้วกิ่งทอดเป็นทาน โส เวสฺสนฺตาโร อันพระยาเวสสันดรเจ้าตนนั้น ตูข้าหากกำจัดเจรจาก พลัดพรากห้องบุรีหนีไปบวชเป็นรัสสีในครีแก้วกู่บ่ห่อนให้ลูกเกิดกับอกเป็นทาน ฮ้อยที่ลักเอาหลานกูพระองค์มาเป็นข้อย ดั่งลือฮ้อยที่ลักเอาเด็กน้อยมาขายกิน นี้จา
ชูชโก อาห เมื่อนั้น บั้นชิณพราหมณ์จึงกล่าวว่าฉันนี้เป็นเค้า ข้าไหว้บุพพพิตาเจ้าดั่งข้าเฒ่าจักถวายเหตุ อุปเทศแต่หลังมา โส เวสฺสนฺตาโร ราชา อันว่าพระยาเวสสันดรเจ้าตนนั้น มีใจพร่ำเพ็งบารมีบ่ขาด แต่ชาติอันเกิดมา เป็นดังแผ่นดินหนายอดหยิ่ง เป็นที่เพิ่งแก่สัตว์สิ่งอาศัย อันหนึ่งประดุจดังน้ำสมุทรไหลหลายหยาด แปลวเปล่งผาดทั่วขอบจักวาฬ นั้นแท้ ดีหลี แลนา เมื่อนั้นอามาตย์ฝูงฉลาดได้ยินเข้า เขาก็ติฉินนินทาว่า ทุกฺขตํ คโต ดั่งนี้เป็นเค้า ดูราพราหมณ์ทั้งหลาย ยํ ปจฺจยทานํ กิยาอันให้ช้างแก้วปัจจัยวรคุด ช้างสารตัวประเสริฐ เกิดกับนครบุรีราชธานีสิวิราช ตัวองอาจ จักผาบแพ้แก่ข้าเศิกศัตรูในสากลชมภู ค้ำชูบ้านเมืองให้วุฒิศรีสวัสดีย์แก่ชาวสีพีนอราช กับทั้งเศวตฉัตรแลเครื่องประดับประดาอาภรณ์ทั้งมวล ควรค่าว่าได้ 2 ล้าน 4 แสนคำ เป็นประทัด เมื่อเจ้ากูพระกษัตริย์ยังเสวยศรีสมบัติเป็นพระยา บ่พิจารณาสักลวดมาละผาสาทที่ให้ลูกฮัก เป็นทาน เฮาก็ว่าผิดบูราณบ่ประกอบด้วยครองกษัตริย์เฮาจึงได้ใส่ปัพพาชณิยกรรมจำหนีจาก พลัดพรากห้องบุรี หนีไปบวชเป็นรัสสี ท่อแต่มีวรบุตร อุตตมะชายา เฮาบ่ฮ่ำเพิงหาอันขมอด ลวดมาทอดวรบุตรอุตตมะสองพระองค์แก้วกิ่ง เจ้าจอมมิ่งชาลีศรีวรกัณหาหนุ่มเหง้าให้เป็นข้อยข้าแห่งพราหมณ์เฒ่านี้จา อามจฺจา อันว่าอามาตย์ฝูงฉลาดในประเวณีแสนเมืองเทศ อยู่ด้วยเขตสีมานี้จา โส เวสฺสนฺตาโร อันว่าเจ้าพระยาเวสสันดรกษัตริย์ตนนั้น เนว สนฺโต ยังว่าอยู่สร้างสมณ์พรหมจารี ทรงผนวชบวชเป็นรัสสีเล่าบ่พิจารณายังสมณชาติ ลวดมาละประมาทให้เป็นทาน ยังลูกฮักวรบุตรอุตตมะชายาอันประเสริฐเกิดมาสืบตระกูลวงศามหากษัตริย์ บัดนี้แลมาให้แก่พราหมณ์เฒ่า อันบ่ควรเป็นเจ้าแก่กุมารนี้จา กุมาโร เมื่อนั้น บั้นท้าวพระชาลีศรีวรองอาจ ได้ยินคำอำมาตย์ฉินนินทาพระวรปิตาตนพ่อ ก็กังวนสุดขนาดบ่อาจจักตั้งอยู่ได้ ก็ไปค้ำไว้ยังพระวรปิตาอุปมาดั่งเทพดาตนมีริทธีคุณบุญสมภารค้ำไว้ยังเข้าสะเหมนโนราช อันลมกัปวินาส หากจักมาฟาด บ่อาจจักตั้งอยู่ได้บ่ให้หวั่นไหวไปมา อาห กล่าวเป็นไนยะคาถาว่า ยสฺส นาสฺส มเร ทาโส ดั่งนี้เป็นเค้าข้าไหว้บุพพิตาพระเป็นเจ้า ดั่งข้าน้อยจึกถวายเหตุแห่งพระเวสสันดร มหารัสสีอันมีแม่มัทรีเป็นคู่ สองเจ้าอยู่ไพรหนา ทาโส วา สวนดั่งข้อยข้าช้างม้าราชสมบัติ นตฺถิ ก็บ่มีในที่อยู่แก้วกู่พระปัณณศาลา ราชา อันว่าพระวรปิตาตนพ่อ ตั้งใจต่อโพธิญาณ จึงได้ให้เผือข้าเป็นทานทั้งคู่ขอแก่มหาราชเจ้าตนปู่อย่าได้ติฉินนินทา
ราชา เมื่อนั้น บั้นพระยาบรมศรีสญชัย ไขคำจาเป็นไนยะคาถาว่า ทานมสฺส ปสฺสามิ ดั่งนี้เป็นเค้า ดูราเจ้าชาลี พระรัสสีทั้งคู่ไปอยู่ป่าไม้ไพรหนา มีศรัทธาล้ำหยิ่งจึง ให้ลูกแก้วกิ่งเป็นทาน เฮาก็สาธุการชมชื่น บ่ต้านตื่นเตียนสัง กถํ นุ หทยํ ท่อว่าด้วยมีแท้ พระหึระทัยแห่งพระรัสสี เมื่อมีศรัทธาจงจอด ให้เขือเจ้าทอดเป็นทานยังเป็นด้วยประการฉันใด ก็ปู่จา กุมาโร เมื่อนั้น บั้นเจ้าชาลีกุมารจักถวายอาการอันฮ้อนลำบาก ยากหยิ่งหนักหนา แห่งพระวรปิตา จึงต้านจารจาเป็นไนยคาถาว่า ทุกฺขสฺส หทยํ ดั่งนี้เป็นเค้า ข้าไหว้พระยาเอยเป็นเจ้า หทยํ อันว่าหัวใจแห่งพ่อเผือข้าแต่เค้าเมื่อจักให้แก่พราหมณ์เฒ่าอันเข้าไปชูชี เอาเผือข้าหนีทั้งฟ้าว มันล้าวแขนขวาทั้ง 2 ลุกโดยพลัน ยามนั้น ทุกฺขํ อาสิ ก็เกิดเป็นทุกข์หนักหนามีตาแดงเหมือนดั่งแสงดาวในฟ้า หน่วยชื่อว่า โรหิณีมีน้ำตาอันไหลออกบ่ขาด ดั่งจักมรณาตคาดวิญญาณ เหตุว่าได้ยินเสียงน้องผู้ข้าแก้วแก่นกัณหา ให้ห่ำเถิงพ่อว่า ตาต ข้าไหว้พ่อเป็นเจ้า อยํ พราหมโณ อันว่าพราหมณ์ผู้นี้ ปฎิโกเฎติ มันมาตีเผื่อข้าทั้ง 2 เหมือนดังข้าอ่อนน้อยเกิดกลางเฮือนมันนั้น แท้ดีหลี ตาต ข้าไหว้พ่อพระยาเป็นจ้า อยํ พราหมโณ อันว่าพราหมณ์ผู้นี้ บ่ใช่ชาติพราหมณ์ดี ยกฺโข ฮ้อยว่าแม่นผียักษ์และผีเผด กลับเพศหน้าเป็นพราหมณ์ มันมาถามขอเผือข้า ไปภายหน้ามันจักยาดกวนกิน ดั่งลือ พระนอรินทร์เอยเหล่ามาคอยดูได้ ยังลูกแก้วแก่นไท้ทั้ง 2 นี้จา
กัณฑ์ย่อยที่ ๓
เนื้อเรื่อง
เมื่อนั้นท้าวพระชาลี จักถวายคดีเป็นอันหยิ่ง แก่พระยาบรมศรีสญชัยตนปู่ พระนอรินทร์ได้ยินคำหลานน้อย ว่าเป็นข้อยแห่งตาพราหมณ์บ่คาดบ่พ้นจากทาสแห่งพราหมณ์ เจ้าจึงจาดอมเจ้าชาลีว่า ราชปุตฺตี จโว มาตา ราชปุตฺโต จ โว ปิตา ดูราเจ้าชาลี มาตาอันว่าราชมัททีศรีวรกัญญา แม่แห่งเผือเจ้าทั้งสอง ราชปุตฺตี ก็หากแม่นลูกท้าวพระยามหากษัตรย์ อตฺรโช อันเกิดมาแต่หัวอกแห่งเฮาปู่เขือทั้งคู่สองหลาน ก็หากแมนแนวพระภูบาลเชื้อชาติ ย่อมเข้ามาสู่หัวอกแห่งเฮาปู่ อย่าได้อยู่แฮมไกลก็ปู่เทอญ ชาลี กุมาโร อาห เมื่อนั้น บั้นพระชาลีจักถวายกิจจะคดี ว่าตนได้เป็นของข้า สองกำพร้าพ่อหากให้เป็นทาน จึงกล่าว่า ราชปุตฺตี จ โน มาตา สันนี้เป็นเค้าข้าไหว้ปู่พระยาเอยเป็นเจ้า แม่เผือข้าพระราชมัทที ก็หากเป็นลูกสาวศรีพระยามัททราชพระบาทเจ้าปิตาพ่อเผื่อข้า ก็หากเป็นลูกสมเด็จมหาราชเจ้าปู่ บุญกว้างสู่สมภาร เผือข้าหากเป็นหลานแต่ก่อน สุขย้อนเดชสมภาร ก็ยังว่าเป็นหลานพระอัยโกเป็นเค้า ตนเป็นเจ้าหมู่เสนามีหมู่แสนทาสาไพร่พร้อม เผือข้าได้ฮ่วมฮ้องหอคำ คนทั้งหลายก็จึงยำสุทธะหยิ่ง ว่าเป็นหลานเจ้าจอมมิ่งเมืองใน บ่มีไผจักวางให้เป็นข้อย ข้าน้อยยังสุขด้วยเดชสมภารพระภูบาลเจ้าฟ้า สองกำพร้าพ่อหากให้เป็นทาน เผือข้าขาบสมภารบุพพิตาเจ้า จึงได้มาเฝ้าพื้นบาทเจ้าแวนไกล สุดวิสัยยศต่ำ ก็ข้าแล
เมื่อท้าวพระชาลี ถวายกิจจะคดีดังนั้นบั้นบรมศรีสญชัยกษัตริย์ ล้วนเกิดโทมนัสหะทะเยศเหตุได้ยินเจ้าชาลี จึงตีอก น้ำตาตกย่าว ๆ ฮ้องให้ถ่าวไปมา อาห ก็กล่าวเป็นไนยะคาถาว่า มา อวจุตฺถ ดั่งนี้เป็นเค้า ดูราเจ้าชาลีศรีวรกุมาร สองเขือหลานอย่าได้กล่าวว่าเป็นข้อยข้าแห่งพราหมณ์สัง หทยํ อันว่าหัวใจแห่งเฮาปู่ ฮ้อนวะวู่เสมอดั่งไฟลน ยังจักเป็นคนก็บ่มีได้ เหมือนดั่งหลานแก่นไท้ขึ้นใส่กองไฟ นั้นแลนา บัดนี้เจ้าอย่าได้กล่าวภายหลัง โสกํ หากบังเกิดทุกข์โศรกแก่เฮาปู่ แท้ดีหลี แม่นว่าสองหลานมีค่ามากน้อย ก็ได้ชื่อว่านัดดา เหตุแห่งเฮาปู่จักไถ่เอาสองเขือหลาน บ่มีให้เป็นข้อยสาทานช่วงไช้ เป็นข้อยใกล้แห่งพราหมณ์ แท้ดีหลี ท่อว่าพระรัสสีเจ้า ผาสาทให้เป็นทานยังกำหนดค่า 2 เขือหลาน มีประมาณท่อได ก็ปู่จา อกฺขถ สองสายใจทั้งคู่ เล่าต่อปู่โดยดั่งมี ก็ปู่เทอญ กุมาโร เมื่อนั้น บั้นท้าวชาลี ถวายคดีนบนอบ ดั่งพระรัสสีตนพ่อกล่าวต่อแต่ภายหลัง สหสฺสคฺคํ หิ มํ ตาต ดั่งนี้เป็นเค้าข้าไหว้าบุพพิตา พระภูมี พระรัสสีกดค่าข้าน้อย เป็นคำพัน 1 บ่ขาด เจ้าจึงประสาทให้เป็นทาน ถัดนั้นพระภูบาลจอมมิ่ง กดค่าลูก แก้วกิ่งกัณหา หตฺถินาทิ สเตน วา ด้วยนรทิพย์บ่น้อย มีช้างฮ้อยเป็นเค้า ลูกมหาราชเจ้าจึงให้เป็นทาน แท้ดีหลีนา
เมื่อนั้น พระยาบรมศรีสญชัยตนองอาจ จึงปลงพระราชโอวาทแก่พลนักการ ด้วยคำว่า อุฎฺเฐหิกตฺเต ดูรานายนักการผู้ฉลาด อาจให้แล้วในกิจจะการโดยพลัน ให้พระราชอาชญาเฮาพระองค์ ว่า ให้สูเจ้าทั้งหลายจงตกแต่ง ยังเข้าของแลสิ่งแลฮ้อยนำมา ทาสีสตํ คือว่า ข้ายิงข้าชายก็ฮ้อยทัด หตฺถิสตํ คือว่าช้างตัวหาญแกล้วกล้า ม้าถ้วนคู่ทุกตัว งัวอุสุภราชเป็นอาจแก่แม่คาวี ประมาณได้ฮ้อยทัดเป็นของไถ่เอาหลาน อย่าได้นานโดยพลัน เท่าวันเทอญ ถัดนั้น บั้นนายนักการ เขาก็ตามอาชญาพระภูบาลโดยฮีบ ตกแต่งเข้าของฮีบนำมา อทาสิ ก็ให้แก่พราหมณ์ตามพระราชกำหนดกดค่าสิ่งสังขะหยา ราชาพระยาบรมศรีสญชัยจอมมิ่ง เาจึ่งให้แก่พราหมณ์พร้อมทุกสิ่งโดยพลัน พระจอมทันโพธิราช ก็ให้ผาสาทหลังหนึ่ง มีพื้น 7 ชั้น แก่พราหมณ์มีแล ปริวาโร อันว่าบริวารแห่งพราหมณ์เฒ่า คันว่ามันได้ค่าเจ้าชาลี คือว่าคำมะนิกขะแดงดีสันทัด ฮีบเมี้ยนมัดใส่ถง ติดจีบจงจำใหม่ กระแจใส่จำพาย มันก็โอยอายขึ้นสู่ผาสาท มันก็นั่งเหนืออาสนา เหมือนดั่งมันได้เป็นพระยาเสวยราชสืบเเทนเมือง ก็มีแล
ราชา พระยาบรมศรีสญชัย คันว่าได้ไถ่เอาแล้ว ยังหลานตนแก้วกิ่งกับตนได้แล้ว ก็อุ้มเอาหลานแก้วทั้ง 2 ด้วยคันธะรสตองตกใหม่ หอมช้อยใส่สามาลย์ ฝูงหมู่นายนักการยอหลั่ง กระออมคำทังกระออมทอง เข้าหมิ้นตองฝนใหม่ น้ำจันทร์ใส่สมกัน พิมมะเสนสมสอดเกล้า หมอทั่วเท้าเมืองมวลผ้าผืนควรค่าล้าน แพรเทศสร้างสมไหม สองนงค์วัยบิ้ง เบี่ยงเสื้อ งามเอื้อเขื่อคืออินทร์ สองนอรินทร์ เสวยโภชน์ เข้าน้ำโสดโภชนะอาหาร ถ้วนทุกประการหลายหลาก พระก็เบิกบายศรี 2 กุมารแสนสิ่งกล้วยอ้อยอิ่งพาขวัญ สัพพสันมีทุกเยื่อง เครื่องพร้อมพร่ำบอระบวน เสนามวลแหนแห่เฝ้าปุโรหิตาเจ้าจึ่งอวยพรว่า สองกุมารทั้งคู่ยืนกับปู่เทียระฆา อ้อยพันวัสสาอย่าฮู้ถ้อยเฒ่า เป็นเจ้ามิ่งมุงคุล สองจอมบุญนั่งเหนือแท่นแก้ว สถิตแล้วอยู่ฮอง ๆ พระก็ประดับเครื่องย้องของแพง ท้าวอยู่แยงโลมรูป ฮักอ่อนจูบเชยชมกอดคอดมกลิ้งกล่อม ปู่ก็ชมแก่นแก้วเสน่หา ย่าก็ชมชะแดดอมโลมลูบ ก้มหน้าจูบชื่นชมปะขวัญดมขะหม่อม ฮักกลิ้งกล่อมเสน่หา สองนัดดาแก่นแก้ว สะเกษแล้วมีศรี ประดับผ้าผืนดีพายเพดเส้นฝ้ายเลิศไยบัว เชิงชายหัวสนแช่วเหลื่อมคลาดแคล้วแยงเงา ผ้าสะเภามาแต่เมืองเทศ ผ้าผืนพิเศษมีศรีมีทั้งฮูปกินนะรีกินนะรอนตะแอ่นฟ้อน มีทั้งฮูปจักกะพากย้อนเหยี่ยวหาง ฮูป กวางทวยเสือสางตื่นต้องมีทั้งม้อมส่องตามกัน มีทั้งฮูปราชสีห์ผันเคียงคู่ ฮูปช้างอยู่เงยงา ฮูปอัสสาผายผันแหล่น ฮูปโองแอ่นสวนคอ ฮุปคุชสีห์ยอคอเหลียวหล่ำ เหลื่อมแด่พากดำแดง ผ้านั้นแพงควรคาด เทียมมุ้งมาดริจนาใสโสภาเฮืองฮอดสัพพอาภรณ์สอดสมศรี ควรดูดีล้ำเลิศทุกประการสองนงคาญคลาดแล้ว ประดับแล้วมีศรีดูงาม สองนงค์ฮามหล่าช้อย เมื่อนั้น พระยอดสร้อยสญชัย ก็เอาสองนงค์วัยทั้งคู่ อุ้มหลานอยู่เหนือตักน้าวคอชมชักจูบ โลมลูบจารจานานา พระสญชัยแก่นเหง้าก็ประดับสองแจ่มเจ้าเสน่หา ด้วยเครื่องไลลาดอกไม้หลายหลากให้พลัน ทาจวงจันทร์ลูบแล้ว หูสองแก้วใส่กุณฑล ประดับตนงามหยิ่ง ถ้วนทุกสิ่งกระโจมคำ จัมมะลีปักปิ่นเกล้า คอเจ้าใส่สังวาล สองแขนหลานใส่เม้า มือเจ้าใส่แหวนคำ ดูลำนำหนุ่มหน้า คือดั่งนางแก้วลอดฟ้าลงมา พระกษัตตาตนปู่ คันว่าได้อุ้มเอาแล้วสองหลานแก้วอยู่เชยชมฟังคำหลานจาระห้อย ก็จึงถามหลานน้อย ชาลี ก็มีแล
กัณฑ์ย่อยที่ ๔
เนื้อเรื่อง
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห พระเจ้าตนผ่านเหง้าสงสาร จักปฏิสันถาร ปางเมื่อพระภูบาลไถ่แล้ว ก็อุ้มเอาแก้วแก่นไท้อาบองค์ แก่อริยสงฆ์ตนวิเศษ พระเจ้าจึงเทศนาว่า ภิกฺขเว ดูราอริยสงฆ์ตนทรงศีลบริยาศ ส่วนดั่งสญชัยธิราชเจ้าปิตาแลนางท้าวราชผุสสดีตนย่า คันว่าให้ค่าแล้ว ไถ่หลานแก้วบรบวรธรรมดาควรโสภาพ ให้อาบองค์สรงศรีด้วยคันธะรสตรองตกใหม่ หอมช้อยใส่สำราญ ฝูงหมู่นายนักการยอหลั่งกระออมเงินทั้งกระออมคำ ให้จำนำทุกสิ่ง สรงเกษเกล้าด้วยจันทร์มัน หอมห่วงเฮ้าสรงเกษพระภูธร ทรงอาภรณ์ผิวผ่องเนื้อ งามเอื้อเขื่อคืออินทร์ สองนอนิลเสวยโภชน์ เข้าน้ำโภชนะอาหารถ้วยทุกประการหลายหลาก มีต้นว่าชิ้นช้างมากแกงควาย เจ้าก็เบิกบายศรีสองกุมารแสนสิ่ง ช้างม้ามิ่งมุงคุลแก่หลานตนเลิศ แล้วนั่งแท่นแก้วอยู่สวัสดี ประดับศรีสองอ่อน เข้าเครื่องย้องของแพง ท้าวอยู่แยงโลมลูบ ฮักอ่อนจูบสองศรีประขวัญดีกิ่งแก้ว ปู่ชมไป่ทันแล้ว ย่าพลอยชมดมขะหม่อมฮักกิ้งก่อม เสน่หาสองโสภาเฮืองโสด วิโรจน์ฮุ่งเฮือง ประดับแอวองค์คล้อมคลาด อ้อนแอ้นอาจเอาใจราชาสองศรีไวทั้งคู่ ปู่อุ้มอยู่เหนือตัก กถํ พระภูบาลกล่าวฮ่อ ถามเชิ่งพ่อในดง เจ้าก็ประสงค์คำงามหาลูกเต้าเชิ่งแจ้มเจ้าชาลี ว่า ดูราเจ้าชาลีพ่อแม่แห่งเขือข้า ยังไปเข้าพยาธิ โรคาสัง ก็ปู่ลือ ยาเปนฺติ ก็ยังค่อยเลี้ยงชีวิตติดกับอันเที่ยวไปมาหาลูกไม้ ก็ยังค่อยได้พอฉัน ก็ปู่ลือ ปณฺณกิตฺติ หัวมันแลลูกไม้ ก็ยังมีมากบ่ลำบากสัง ก็ปู่ลือ ฑํสา จ ชาติเหลือกตาขาวยูงสบยาวปีกบิ่น ฮิ้นตัวน้อยขบคัน สิริสปฺปา ชาติตัวฮีมีงูตัวยาวยืดๆ ยืดๆ แล้วจึงปืนไปอันมีในคิรี ก็บ่มีมากระทำฮ้าย ก็ปู่ลือ หึสา อุปัททวะอนตายแต่เนื้อคะนองของเถื่อน งัวล้านเลื่อนทรพี หมีเหมือยหลวงและแฮดช้าง ก็บ่มีมากระทำโทษ แก่เจ้าโสดภาวนา ก็ปู่ลือ เมื่อนั้น บั้นบรมศรีสญชัยตนปู่ อยู่บ่ได้พอยาม ซ้ำถามว่า ดูราหลานแก้วแก่นเสน่หา ฑํสา จ คือว่าเหลือกตาขาวยุงสบยาวปีกบิ่นฮิ้นตัวน้อยขบคัน ก็บ่มากระทำอนตายขบไย่ ตัวใหญ่นั้นเหลือกควาย ปีกลายๆ นั้นเหลือกตาหลุ่มรูปแควนน้อยนั้นเหลือกงัว ตัวตาขาวตีนก่าน ท่านว่าฮ้ายนั้นเหลือกแมว ตาเขียวนั้นแม่นบ้งขบทีหลบทีแลบนั้นแม่นแมงแดง แฮงเข้าหูนั้นแม่นแมงคาและเห็บขบเจ็บนั้นจี้เข็บแลแมงงอด ก็บ่มาตอดต้องบาทา แก่พระรัสสีเจ้าก็ปู่ลือ ประการที่ 1 สิริสปฺปา ชาติงูทั้งหลายในป่า ลางตัวหัวหางก่าน ท่านว่าฮ้ายนั้นงูเหลือม ดำเคือม ๆ นั้นแม่นเห่าฮ่อมและเห่าก้านตาวก่านขาวแลก้านปล้อง เป็นน้องเงือกแลหลาน งูธรรมทานตัวยิ่งพิษฮ้าย สิ่งปืนยำแม่นว่างูเห่าคอคำแห่งกระทำให้คนเป็นทุกข์ งูเภาหมากบกยกคอคาง งูจงอางและสังห่าแฮงท่อขึ้นเหง่าไม้คั่วคอยคน ก็บ่มาประจนขบตอด สองยอดไท้พระรัสสีก็ปู่ลือ หึสา อุปัททวะอนตาย แต่สัตว์ทั้งหลาย เป็นต้นว่าเสือโคร่งนั่งลายลง เสือเหลืองนั่งลายเลี้ยว เสือมุ้งมั่งแลเสือฟาน แห่งทะยานไปมาทางเลี้ยว เสือเขี่ยวลายจ้ำหลอดแห่งลอดฮั่วไปมาก็บ่มาฮาวีกระทำโทษก็ปู่ลือ เมื่อบรมศรีสญชัยไขวจนะคดีถามหาคำสวัสดี แก่พระรัสสีทั้งสองก็แล้ว บัดนี้พระแก้วแก่นชาลียอมือถวายขาบกล้า ว่าข้าไหว้ปู่พระยาเอย เป็นเจ้าดั่งข้าน้อยจักเล่าตามมี พระรัสสีทั้ง 2 พ่อแม่ แต่มาอยู่ดงพลอยพลัดหัตถบาสมหาราชเจ้าตนปู่ก็ยังค่อยอยู่บ่เป็นโรคาสัง ยาเปนฺติ ประการ 1 พระรัสสีทั้ง 2 ก็ยังเลี้ยงชีวิพอเป็นไปบ่ขาด ประการ 1 ลูกไม้หาดแลหัวมัน ก็ยังมีมากบ่ลำบากสัง ฑึสา จ เหลือกควายฝูงหลุ่มฟ้าก็บ่มาเบียดเบียนหน้าพระเมือง อปฺปเมว งูเหลือมเหลาเข้าไปใกล้แล้วคั่วหนีไกล วเน ในดงไพรป่ากว้าง เป็นที่อยู่หมู่แฮดช้างหมู่เสือหมีควายเข้าฮี ก็บ่มาฮาวีกระทำโทษ แก่ท้าวผู้สร้างโพธิสมภาร แล้วปู่เอย เทว ข้าไหว้ปู่พระยาเอยเป็นเจ้า มาตา อันว่าแม่มัทรีเผือข้าพี่น้อง เคยเดินประเทศห้องหิมะวัน ขนตฺตา แม่ก็ไปขุดมันอยู่ยะหยั่นเหง้าบัวปั่นตมทราย มันมีหลายชะช่อน มันอ่อนอ้อนกินหวาน แม่ออกไท้ก็นำเอามา ผาลา หมากทันแลหมากกอก หน่อไม้ออกกลางกอ แม่ก็นำเอามา เพื่อรักษาสองบุตตาลูกน้อยกับทั้งพระยอดสร้อยแขนขวัญแลปู่เอย ยญฺจ ข้าไหว้ปู่พระยาเอยเป็นเจ้า ตนผ่านด้าวเมืองขวาง มาอิดูแม่นางคาญออกเจ้า ฮุ่งคำเช้าแม่ก็ออกจากศาลาไล แม่ก็บ่มีไผไปเพื่อนพ้อง เดินประเทศท้องหิมวัน แม่ก็ไปขุดเอาหัวมันแลลูกไม้แม่ออกไท้ได้แล้วนำมา มูลผาลา หัวมันแลลูกไม้ฝูงใด แม่ก็จมใจหาเถิงค่ำได้แล้วพร่ำเขียวมา ทั้งพ่อพระยาเผือข้า ก็ค่อยอดถ่าอยู่สู่วัน มาฮอดแล้วพร้อมกันทั้ง 4 หน้า ตูข้าน้อยก็ค่อยถามกินเหนือแผ่นดินดายบ่มีถ้วย ตองก้วยลาดตางภาชน์ แลปู่เอย อมฺมา แม่มัททีเผือพี่น้องเคยอยู่ห้องโฮงขวาง จันทร์มันทาลูบไล่ ทัดดอกไม้โสดใสศรี รัศมี เฮืองส่องหน้า งามเลิศฟ้าเปรียบสาวสวรรค์ แม่มัทรีมีลักขณาผิวผ่อง บัดนี้นางท้าวท้องทางไกล เดินดงไพรหลายหลาก อดเยื้อนยากหากผ่างเพา จรติ แม่ก็ไปปิดเอาหัวมันมากทุกข์ยากฮ้ายหากตนตอม แม่ผิวผอมเหลืองหล่า เนื้อเหลืองด่าดูดำ บ่เห็นเผือภายหลังยังหมองใจกั่วเก่า ทุกคำเช้าอยู่อาลัย นั้นแลนา อิดูแม่นงค์แก้วเมื่อเป็นทุกข์ บ่มีสุขแก่แม่เผือข้าเหมือนดังยืดยื้อฟ้าบ่เถิงอินทร์ แลปู่เอย
แม่มัทรีเผือข้าพี่น้อง เคยอยู่ห้องสุขุมาลแต่ก่อน เนื้ออ้วนอ่อนผิวสิ่งวรรณคำ แม่มัทรีลักขณาพิจิตรเฮืองโสด หน้าช้อยโชตบัวบาน สุขสำราญควรคลาดในกลางผาสาทวิมาน คือลำนำนางฟ้าแสงส่องหน้ายะยง บัดนี้แม่เดินดงดั้นป่า อายแดดต้องแห่งว่าลมตี ผงธุลีไหง่ผ่าน เดินด่านด้าวดงหนามผมแม่มัทรีบางคลีคล้อย นับมื้อนับวันมวยเกล้าแม่นี้โสดเสียศรี โฉมแม่นางพระยาก็เศร้า พ่อออกเจ้าก็เป็นอันหมอง เหมือนดั่งดอกบัวทองบ่งอ่อนเนื้อก็เศร้าเหมือนดั่งดอกบัวบานช้อน อันกระไทชายเอาค้อนไม้มาตี บ่มีก็บีบคั้น ให้อ่อนเศร้าในมือ แล้วปู่เอย
แม่มัทรีมาตาสะใภ้ปู่อยู่บ่ได้สักวัน เที่ยวทางพันจับจ่องหลังแห่งห้องหิมวัน เดินดาผันแดดแก่หินแห่แลหินผา หนามตืบหนายาวยืด หนามหวายมืดบืดเต็งกัน หนามหมากทันเกาะไขว่ หนามไผ่ปักบนตีน ติดตามตนทุกเเง่ออกไท้แม่ยินหมอง แม่ก็ปองปดอยู่ยะหย่ายปลดช้ายหลุดยังขวา เกาะหูตาเกี่ยวเนื้อ ทั้งสิ้นเสื้อแม่ก็ขาดชุยชาย แม่ก็สั่นสายตายในป่าไม้ แม่ออกไท้หากเฮฮน ภายบนหนามเกาะเกล้าผมแม่ออกเจ้าก็กระจัดกระจาย เพราะว่าหนามทั้งหลายเหลือแด่ ออกไท้แม่ลุยไป ยูงยองไยตามหลังอยู่สะสู่ ฮิ้นฮ้ายคู่ขบตา มาอิดูแม่นางพระยาเผื่อข้า ก็จักตายเป็นบ้าเพราะว่าคั่วหากิน แล้วปู่เอย วเน ในดงดอนแลป่า เนื้อฮ้ายคั่วคะนอง สีเหลืองผองผันอยู่ แฮดฮ้ายหมู่หมาหมีไกรราชสีห์ลี้ลื่นเสือโคร่งคื่นคางลาย แม่กลัวตายหอมห่อ ก็ท่อคิดต่อพ่อพระรัสสีแล้วปู่เอย เกษาแม่มัทรีเผือพี่น้องเคยอยู่ห้องสมศรี บัดนี้แม่ก็มาบวชเป็นชีดีทรงเพศ ผูกเกษเป็นชาฎาเดินดงหนาป่าไม้ แดดฮ้อนไหม้แห่งซ้ำทางไกล มีเฮื่อไคลใหลย้อยหยั่ง เป็นถองถั่งแถวตก ไหลอาบออกเจ้า ย้อยแต่เค้าสองแขนยิน แควนใจลำบากปลงสายกระเช้าไว้หากเฮฮน ทุกข์แต่ในเมืองคนลุ่มฟ้า ยังไป่ปานแม่มัทรีเผือข้ายากกั่วท่านทั้งหลายแล้วปู่เอย จมฺมวาสี อันว่าแม่ออกเจ้าสองเผือเอาหนังเสือมาห่มห้อยพักน้อยลวดเลียนลายนอนเหนือแผ่นดินดายบ่มีสาด ใบไม้กวดฮองหลัง เผือทั้ง 2 นอนดอมแม่ บ่มีเสื้อผ้าแพบิ้งปกติดกับอกออกเจ้า ฮุ่งคำเช้าปฎิบัติ บ่ให้เสียคลองวัตรอันวิเศษทรงเพศเป็นรัสสี บูชาไฟดีเปลวเปล่งตั้งหน้าเหน่งมนัสการตามโบราณแต่เก่า สืบเชื้อแห่งพระรัสสีเจ้าทั้งหลาย แล้วปู่เอย
กัณฑ์ย่อยที่ ๕
เนื้อเรื่อง
เอวํ มาตุทกฺขิตาภาวํ ในเมื่อเจ้าชาลี ถวายเป็นทุกข์แห่งแม่ตนให้แจ้งแก่พระยาบรมศรีสญชัยด้วยไนยะดั่งนี้แล้ว บัดนี้พระแก่นแก้วชาลี จัดถวายคดีเป็นอันหยิ่ง จึงกล่าวเป็นคาถาว่า ปุตฺตา ปิยา ดังนี้เป็นเค้า ข้าไหว้ปู่พระยาเอยเป็นเจ้า ดั่งข้าน้อยจักถวายเหตุ พอให้เป็นเอกกะเทศในวชิระปัญญ ปุตฺตา อันว่าลูกยิงชายสายสมรจอมมิ่ง ลูกแก้วกิ่งวงศ์ษา ปิยา ก็เป็นที่ฮักล้ำเลิศแก่พ่อแม่เกิดกันมา มนุสฺสานํ แห่งคนทั้งหลายในโลกนี้ แท้ดีหลีนา ปุตฺตา สิเนหา อันว่าสิเนหาธรรมคำฮักในลูกแก้วกิ่งสันดาร ก็บ่มีแก่พระภูบาลจอมมิ่ง เหตุมาละลูกกิ่งวางเสียสองผัวเมียหากทรงโศรกเศร้า เหตุใดมหาราชเจ้ามาบ่อิดูกูณา ตโต ถัดนั้น บันพระยาบรมศรีสญชัยจักสำแดงโดยให้ผากฎ ด้วยบทคาถา ว่า ทุกฺขตญฺจ ดั่งนี้เป็นเค้า ดูราเจ้าชาลี ทรงโฉมศรีชื่นช้อย ดั่งปู่จักเหล่าถ้อยคำแต่ภายหลัง อหํ อันว่า เฮาปู่เฒ่าชวดชราการ อันใดก็บ่ได้พิจารณาแจ้งแจบ จึงได้แนบลูกแก้วกิ่งขับหนี เหตุว่าชาวสีพี สับส่อปู่ว่าพ่อเขือเจ้าบ่ดี ผิดประเวณีบ่ชอบ บ่ประกอบสุจริตเฮาหากได้กระทำผิดแต่ภายหลัง ยํ กิญฺจิ ธนํ เมื่อเฮามีหมู่ช้างม้างัวควาย มากหลวงหลายแสนส่วยไฮ้ไหลเข้าไว้แก่พ่อเจ้าทั้งมวล เอวํ หลานฮักเอยจงไปชวนท่านไท้ให้เมือสืบเสวยเมือง ก็ปู่เทอญ กุมาโร อาห เมื่อนั้นบั้นท้าวพระชาลี ถวายคดีนบนอบทูลไท้ตอบบรมศรีสญชัย ด้วยคาถาว่า น เทฺว มยฺหํ วจนา ดั่งนี้เป็นเค้า ข้าไหว้ปู่พระยาเป็นเจ้าน็งาสวนรนำสี ผิว่าแต่ตนตัวข้าน้อย หากไปอาราธนาพระกษัตราตนองอาจ ก็บ่ฮู้ว่าจักเมื่อเสวยราชสืบแทนทะรง สยํ ควรมหาราชเจ้าตนปู่กับทั้งหมู่เสนา ไปมุทธาภิเษกให้ลูกแก้วเอกมาเสวยราชสืบแทนตน ควรแท้ดีหลี ข้าน้อยผู้หลานทูลมหาราชเจ้าตนปู่กับทั้งหมู่เสนาหลอนว่าข้าผู้หลานหลานทูลผิดแลบ่ชอบ ขอถวายไว้ในวชิรญาณทรงพระกรุณาทานโทษ อย่าได้โกรธข้าน้อยว่าดูหมิ่นดูแคลนสัง ก็ข้าเทอญ
เมื่อท้าวพระชาลีศรีวรกุมาร อัญเชิญตนปู่ดั่งนั้น บั้นพระบรมศรีสญชัยอัยยะกษัตริย์ เจ้าจึ่งอาณาจักอัคคะวระชะอาชญา ใส่หัวเสนาบดีผู้ฉลาด อามาตย์แต่งตามตน ว่าดูรา เสนาบดีผู้ฉลาด เจ้าจงปฏิบัติตามพระราชอาชญา เฮาพระองค์จักประสงค์ไปอาราธนา ลูกกูเจ้าพระยาเวสสันดรกษัตริย์ ให้เมื่อเสวยศรีสมบัติเป็นดั่งเก่าเล่าสองทีเท่าวันเทอญ หตฺถาโรหา นายช้างในราชวัตรจัดให้ได้สี่พัน ให้เทียวพลันตกแต่ง บอกให้แสนช้างแสนสมคาม ตัวดีงามจึ่งห้าง ช้างฮ้อยสมบ่พราวอย่าได้เอา ขาเป้าแลหางปัดปอกอย่าได้เอา ไหล่ยอกแลปูมพองอย่าได้เอา บังคลองแลแข่งคด จงไว้ให้แม่มดแลแม่ม้อนขี่เทียวทางคางหยุดแลหน้าโขน ชื่อว่าช้างควาญโตนแพ้เจ้า เข้าในคุ้มราชวังหลวง เกรงเข็ดขวางเป็นถ่อย แม่นว่ากระโบงหัวน้อย หูหลอบกำลาอย่าได้เอางางอนขึ้นซ้าย ช้างฮ้อยสมบ่พราวอย่าได้เอา ตัวตาขาวแม่นช้างครัวแลช้างคอก แห่งชักปอกหนีเสีย อย่าได้เอา ช้างชาวเยียขนเข้า อย่าได้เอาช้างเฒ่าอยู่แคมเมืองอย่าได้เอา ช้างตัวตาเหลืองแฮงถ่าวอย่าได้เอา ช้างเฒ่าหมู่หางเขินอย่าได้เอา ช้างสะเทินคอหิ้วอย่าได้เอา ช้างคอกิ่วหลังบักอย่าได้เอา ช้างตัวตาแดงแห่งฮ้องบาดว่าเฮาเคาะฆ้องมันจึงตื่นขะโยงหนีอย่าได้เอา ตัวหางฮีกระโพกค้อยอย่าได้เอา แม่นว่ากระโบงหัวน้อยแลปูมขวาง เล็บตีนบางหางสั้น หูบ่หันงวงบ่ยาวอย่าได้เอา ตัวตาขาวแห่งขี้ย้าน อย่าได้เอา หัวเป้าแลหางกุดแลหูกวากอย่าได้เอา หางเปาหางขอดหางฮอดแลหางเขิน แห่งฮู้เดินหนีหญ้าแห่งตื่นม้า ชื่อว่ากาฬกัณณีอย่าได้เอา งาเปาแลงาขอดงาบ่ปอดงอปลาย พลายสะดอแลช้างทอก ฝูงนี้เข้าในคุ้มราชวังหลวง เก็งเข็ดขวางเป็นท่อย กับทั้งตัวตาเหลืองหางขอด ช้างตัวตาบอด แห่งฮู้ลอยหนองสอนลอนช้างแฮมเถื่อน จงไว้ให้เพื่อนไทนอกขี่เที่ยวทาง สูเจ้าจงไปท่าวเอาช้างชุมแลช้างสารตัวขนาด ให้เป็นธรรมชาติช้างเกิดกับสมคาม ตัวขนขาวทุกเส้น จึงเอา ไหล่ยอกแลหัวเหินก็จึงงามเสินเทินเมื่อทรงเครื่องย้อง ทั้งไพร่พร้อมหอมเผ่าพงษ์พันธ์จึงได้เอา หางฮีงวงยาวยื่นจึ่งเอา ก็จึงเป็นช้างขี่นำพล มณฑหัวหวาปูมกระโพกกว้าง ก็จึงเอา ก็จึงเป็นชาติช้างขี่เทียมพระยา งาขึ้นขวาเก้าเท่าเค่างาโต่ง โขงโงงงอนโต่งกว้างโงงเงย ก็จึ่งเอา จึงเป็นช้างเทียมราช อามาตย์พร้อมพลแพนทุกแดนโดยน้อมหน้า ธรรมชาติช้างแก้วกล้าตัวดี วรหตฺถี ไชยโชคตัว 1 ชื่อว่าผิดโลกผาบเมืองแมน ตัวหนึ่งชื่อว่าแสนศัตรูพังพ่าย ตัวหนึ่งชื่อว่าผาบพื้นผ่ายธรณี ตัวหนึ่งชื่อว่าลั่นสะบูหลวงวินาสก้อง ตัวหนึ่งชื่อว่าหงษ์ออกห้องผันผะหยอง ตัวหนึ่งชื่อว่าธรณีทองทิพย์ ตัวหนึ่งชื่อว่ามิตสมคาม ตัวหนึ่งชื่อว่าพราหมณ์ถวายพรแสนส่ำ ตัวหนึ่งชื่อว่าจำปายอดม่วง ตัวหนึ่งชื่อว่าข่วงสาวสวรรค์ ตัวหนึ่งชื่อว่าพระจันทร์ลืมเมฆ ตัวหนึ่งชื่อว่าเอกนครคาญ ตัวหนึ่งชื่อว่าหยั่งจักรวาฬ ตัวหนึ่งชื่อว่าแสนควรง้อ ตัวหนึ่งชื่อว่าหอระดา ตัวหนึ่งชื่อว่ากุลาหนีพังพ่าย ตัวหนึ่งชื่อว่ากรงจักรแก้วก่ายเอาหมอ ตัวหนึ่งชื่อว่ายอพลลบแพ้พลล้าน ตัวหนึ่งชื่อว่าต้านหมู่ได้พอแสน ตัวหนึ่งชื่อว่าแมนปลงลงมาแต่ฟ้า ตัวหนึ่งชื่อว่าไฟลุกแดงเดือนห้า ตัวหนึ่งชื่อว่าฟ้าตื่นเต้าเดือนหก ตัวหนึ่งชื่อว่าอกสาวซ้ำ ตัวหนึ่งชื่อว่าน้ำตาสาวไหล ตัวหนึ่งชื่อว่าไชตาสาว ตัวหนึ่งชื่อว่าหลาวใจเพชร ตัวหนึ่งชื่อว่าเสด็จจากสงสาร ตัวหนึ่งชื่อว่าคำพิมานเลิศฟ้า ตัวหนึ่งชื่อว่าปัจจยะนาเคน หัวมันเงนท่อจูมปลวก ฮอยตีนท่อบวกควายนอน ฟาย ๆ หางลากชิ้ดินจำก้นเด็กน้อยแล่นนำส้นไปแซว ๆ ผู้สาวให้ถือต้างมาเบิ่ง ช้างทั้งหลายฝูงนี้ เห็นเงาไม้มันก็ชก เห็นเงานกมันก็ไลเห็นเงาไก่แลเงากา มันก็หันอยู่คีคว้าง ๆ ช้างทั้งหลายฝูงนี้ สุวณฺณกจฺฉา ให้มีสายประดับประดาแล้วด้วยคำเหม กปฺปนิวาสสฺสา ให้มีผ้าปกหัวช้างก็แล้วด้วยคำ แลนายช้างทั้งหลายฝูงนั้น ให้มีมือถือขอกับดาบ ขึ้นคีคาบคอบาย ขิปฺปมายนฺตุ จงเดาดาโดยพลันอย่าช้า
กัณฑ์ย่อยที่ ๖
เนื้อเรื่อง
ตโต นายม้าจงให้เลือกม้าเป็นคำนับ ประดับไว้ให้ได้หมื่น 4 พันตัวขนาดอัสดรวรราชตัวดีจึ่งเอาชาติม้าอาชไนตัวประเสริฐ เกิดในประเทศเขตสินธุวา พาหนาอาจักนำเจ้าไปโดยพลัน อสฺสาพหิวตฺตกา ดูราหมื่นม้าในราชการ อันใดดีเป็นเค้า เจ้าทั้งหลายจงผิปองให้เป็นประโยชน์ จงเลือกม้าเป็นโทษแลเป็นคุณ จำเริญบุญแก่ผู้จักขี่ ให้พ้นที่โภยภัย โย อสฺโม ม้าตัวใดคอใหญ่แลหัวน้อยกระโพกคล้อยขะหน่องเนินๆ อย่าได้เอา เลาคีงบ่อสมท้องแม่นว่าเข้าเครื่องย้องก็บ่ดูงาม อย่าได้เอา โย อสฺโส ม้าตัวใดเป็นใจแลขวัญฮ้ายก้ามช้ายขนชีคุย เกรงเจ้าม้าจักถืกสี้ยนแลหนาม หอกท่านตามชัดฮ่อ เกรงท่อจอมโจรฮ้ายแฮมโฮม ขวัญโยมแลตีนชี้ ม้าฝูงนี้ท่านบ่ยำ จ่มยำยำหมุ่นถ่อย ขวัญขี้ย้อยฮ้ายหยิ่งหนักหนามันจักเป็นจุลลาจุลลังขลังใจไข่ได้ขวบเดือนปี ดูบ่ดีเมียจักพลัดพรากฮ้าง อย่าได้เอา โย อสฺโส ม้าตัวใดขวัญในตัวบ่ประกอบ ไหล่หลอบขวัญน้ำตา อย่าได้เอา โย อสฺโส ม้าตัวใด ขวัญฮอมอก นักปราชญ์ยกว่าขวัญครัว เจ้าม้าอ่าวยินทุกข์ น้ำตาตกเพื่อไข้เฮือนไฮ้เพื่อเยาคีง อย่าได้เอา โย อสฺโส ม้าตัวใดกลีบใบบางขวานปั่นพื้นโฮงฮั้ว เจ้าม้าไฮ้ชั่วจนตาย เลี้ยงงัวควายบ่แผ่ เป็นไก่หมูเสีย เมียจ่มหลายเพื่อไฮ้ ลูกไข้เพื่อตายหนาวมีลูกสาวผู้เดียวนุ่งสิ้นเหี้ยน ๆ อย่าได้เอา โย อสฺโส ม้าตัวใดขวัญในแคมชื่อว่าดมเหน่า แลมีในสบชื่อว่าดมเหม็น ท่อเจ้าม้าจักเป็นพยาธิ บาดน้อยแลบาดหลวงลงเมืองว่าฝีประอาก เป็นกากเกลื้อนแลฑูตลมประดงแดง กินแกงเบื่อบ่อได้ ฮ้องให้ ให้ผีมาเอา ผีก็บ่มาเอาแลนา โย อสฺโส ม้าตัวใด เป็นขวัญปลีก ควรหลีกเว้นแวนไกลเกรงเจ้าม้าจักพบเงือกแลงู เป็นอุสูท้องไข่ใส่ ชื่อว่ามานฮุงฝูงลุงอาวแลพี่น้องเขาย่องอยู่บ่ หลิงแลขวัญแขมแคขะหน่องม้าตัวนี้จึ่งไว้ให้แม่ผีฟ้าขี่นำขวัญอย่าได้เอา โย อสฺโส ม้าตัวใดเกิดในพงษ์พันธุ์วรรณผิวบ่อเป็นประโยขน์ เป็นไปกับด้วยโทษคือว่าขนแก้มแชมเลือดผิวจอนพอน เจ้าม้านอนนั่งโทษ ม้าผิวนาคแลผิวคางฮิมปากดำลำด่าง กับทั้งท้องป่องตกด่างทั้ง 2 ชื่อว่าปองมหาโทษ ก็บ่เป็นประโยชน์แก่ประชานาราษฎ์ทั้งหลาย แม่นว่าตัวด่างแลขนขาวเติมว่าใส่ดาวคำเฮาท้าง ก็บ่เป็นที่อ้างสมบ่พราว แมนว่าตัวกลีบยาวแลคอเยิ้น ม้ากีบเปิ้นขี่บ่แขงเทียวทางเฮ็ดอยู่กับ ๆ อย่าได้เอา โย อสฺโส มาตัวใดเป็นใจเสียงหื่นห้าว แทงทืบเท้าอยู่วีวร ทายหลอนแลทายข่วมมันแห่งจ้ำแม่ม้าพาเจ้าตื่นมนฑล เกรงท่อเหยียบรีพลแลไพรน้อย อย่าได้เอา อสฺสาพาหิรตฺตกา หมื่นม้าในแลหมื่นม้านอก เลือกม้าให้ได้สี่ศอกเป็นประมาณ เอาราชการเป็นกำนับ ประดับไว้ให้ได้หมื่น 4 พันตนตัวขนาด อัสดรราช ตัวดี จึ่งเอา แชมเลาแลแชมเบื้อเป็นเนื้อมุ่ยกุลา ก็จึงเอาแชมหมากงาแลข่ายเลี้ยว ม้าสอนง่ายใจเดียว ก็จึ่งเอา แชมเขียวแลคอยหมักหมั่น ใจสะบั้นพาเจ้าว่องไวตาไหลงามอ่อยห่อย ข้อยหลวงแลข้อยน้อยข้อยหมดโฉม พาเจ้าม้มที่ฮ้ายแท้ดีหลี ธรรมชาติม้าตัวดีมีสีขาว แลหม่น คือว่าแชมเงินเรียง ฮ้องเสียงกล้า ชาติม้าเล่นหอกทังคลี ม้าตัวดีแกล้วกล้า ใจเพชรเกล็ดกล่ำหมากตาลสุก ก็จึ่งเอา คือว่าแดงใสแลแดงอ่ำ ยามเมื่อเฮาย่ำขืนใจ มันฮ้อนปานไฟ เนื้อเหลืองขาวใสส่อง เข้าเครื่องย้องงามแม้งแก่ตา ดูรานายม้าทั้งหลาย เฮาว่าเป็นปริยาย เจ้าทั้งหลายหากจักเห็นภายหน้า เหตุว่าลักษณะม้าหากมีอยู่ทุกตัว อภิกฎฺฐา อลงฺกตา นายม้าจงประดับม้าให้เป็นประดุจกวางคำให้กระทำเป็นอันหยิ่ง ทุกสิ่งให้ลำนำ ด้วยเครื่องคำพร่ำพร้อม ให้ย้อมให้แฝง ให้เป็นทีหล่ำทีแยงแก่ตาคนทั้งหลาย เหตุว่านายม้าเฮ็ดดีหลี ด้วยจามรีประดับใส่ตวยคำ สุวณฺณสาทา อันห่มไปด้วยเกาะข่ายลายคำ หอกคันดำฟอกคำดาน สามด้านใส่ดอกไม้ใหญ่ สุวณฺณหตฺเถ หอกคันคำให้จำนำสู่ตัวม้า 5 ล้านใส่มูนถวาย ใส่ให้ลายแดงงามระไหม่ ทวยย่องไก่ใส่ยอดทั้งมวล อสฺสเภชสฺชานิ แม้นว่ายาม้าทุกเยื้องเครื่องยาม้าทั้งมวล เจ้าจงตกแต่ง บรบวรให้สำเร็จกิจแลยาสารพิษ แลยาสันนิบาต ยาพยาธิแลยามะเฮ็งเจ้าจงตกแต่งแปลงไว้ อย่าให้ไฮ้สังสักอัน คือว่าลงพกแลลงเสาจักฮามเอาการ กูพระองค์จักตีเพ่งท่อจักเป็นปี่น้ำแลปี่ไฟ จักฮามไปภายหน้า เจ้ามาเฮ็ดดีหลี
ตโต ถัดนั้น บั้นนายรถดีชื่นช้อย บ่น้อยห้างรถให้ได้หมื่น 4 พันกงเกวียนกวยกดแก่ง จับเด็กแต่งตามดี สุวณฺณโปกฺขเร อันกงกำพิจิตรริจนาแล้วด้วยลายคำ แลนายรถทั้งหลายฝูงนั้น ให้เขาผูกธุงช่อแลธุงไชย ไปเหนือหัวราชรถ ให้ปรากฎทั่วทุกเล่ม อย่าหลอ ขิปฺปมาเรนฺตุ จงให้ยอผาลาเลียนขนาดแต่งด่านดาบดาระวังเพื่อจักกั้งบั้งไว้ ยังหน้าไม้แลปืนไฟ ถัดนั้นพวกธนูศิลป์อันยิงแม่น ถืกที่แป่นอันตนแยงจงถือเอาธนูศิลป์กันแหล่ง ปืนแก้วแก่งกำไป ถัดนั้น ขุนไทผู้ผากฎรสเลี้ยงชีวิตในสงคามห้างถ้าตามไปเสพ ลูกพระยาเวสสันดรเจ้า เสด็จเข้าเมือเมือง เท่าวันเทอญ
เมื่อนั้น พระยาบรมศรีสญชัย ก็ให้ประดับประดาโยธา 4 จำพวกบรบวร ก็จึ่งชำระหนทางที่ลูกเต้า จักเสด็จเข้าเมือเมืองประเชชัยชุตตรนครราชธานี เมือฮอดจอดเถิงวงกตปัพพตคีรี มีพื้นฮาบเฮียงเพียงงาม คือว่าที่สูงให้ฮ่ำที่ต่ำไฮ้ยอ ที่บ่อพอใหขนขวายมาใส่ ที่บ่ไข่ให้เอาดินมาถม ที่เป็นตมให้เอาดินมาลาดไว้ ที่ตอไม้ให้ขุดเสียอย่าให้ค้าง ทางกว้างให้ได้ 8 วา อุสุภราชเป็นขนาด ยาวให้ได้ 2 แสน 8 หมื่นวา ให้ประดับประดาทุกถ้วน ก้วยอ้อยล้วนปลูกเป็นถัน ช่อธุงอันพิลาศ เดียระดาษทั่วทุกภายเขาตอกผายหว่านไว้ ฮวดดอกไม้สี่ประการดูพิลาศ ประนมดอกไม้อาจดูงาม เทียนรูปตามติดไต้เครื่องลูบไล้ขอทา ตั้งไว้ขอกมรรคาทางเทศ ที่พระยาเวสสันดรเจ้าเสด็จเข้ามาเมือง คาเม สตํ ดูราเสนาเจ้าจงไปบอกชาวบ้านนอกเเลเมืองนา ให้เขาตกแต่งเหล้ายาอย่างน้อย แลบ้านให้เป็นร้อยแลพันเรียนเป็นถันตั้งไว้อย่าให้ไฮ้สังสักอัน สุปวา เข้าหนมหลายแสนส่ำ ชิ้นพร้อมพร่ำปูปลาเข้าหนมต้มดอมถั่วชิ้นปิ้งอั่วกินนัว น้ำนมงัวหลายหลาก สัปปิมากมันงา พหูสุรา เหล้ายาหลายไหใหญ่ แป้งป่นใส่ขนมนัว กินแล้วเมามัวนองเนต ตั้งไว้เขตมรรคา เพื่อให้ฝูงโยธาเขาหิวหอด มาฮอดแล้วให้เขาได้ดูดกิน ถัดนั้นพ่อครัวหลวงหลายส่ำ พ่อครัวน้อยพร่ำไปแฝง ให้เขาตกแต่งแปลงแลงงายไว้ทุกสิ่ง หอมยอดยิ่งทุกภายคนทั้งหลายฝูงฮู้ฟ้อนย้อนดามแก่งกวยเพ็ง ขับระเม็งไวแวนฉลาด เพ็งพร้อมพาทเสียงตะโพน ชาวสิงโชนเคยย่างเยื้อนเล่นต่างภาษาก็ไป ปาณิสฺสรา คนฝูงฮู้ ตบมือตีตางแช่ง ก็ไป คนฝูงฮู้หุ้มปากแอ่วตีตางกลองก็ไป กุมฺภทุนิโย คนฝูงฮู้ขับเชิงชายให้ท่านหายโศรกก็ไป ขับโยกเยให้ท่านหัวขวัญ ก็ไป ถัดนั้น ไทเสพแลไทกองเป่าปี่เตาะเสียงตะโพน ดังมาตีต้องตีตาดค้องเสียงขุ่ยเพ็งระบำ ตุริยวตฺตกา กลองตุริยนนตรีแสนสิ่ง ปี่ฮ่อแลสอน ไลเพราะเพ็งไขเสียงหม่วน สนุกท่อท้าวเมืองสวรรค์ ฝูงไทขันเฮฮ่อนมาก พลเล่นหลากนานา เฉวตฉัตรคันงามตั้งไว้หลายหลืบ ฝูงหมู่ไทลูกท้าวแบกสืบกันไป ถัดนั้นกูพระองค์จักทรงช้างสารงาโงงงอนสุดขนาด ให้ใส่กูปสังกาสเดียระดาษแล้วด้วยมุกดา ช้างตัวนั้นชื่อว่าหัตถีคันธนาคา ตัวประเสริฐเกิดในตระกูลแม่ช้าง ห้างแล้วนายท้ายให้ถือฮ่มขาวดาวคำยอยหู ให้ลำนำแหนแห่หลายหลาก ให้ย้อนดาบปฐเภณี ถัดนั้นนางผุสดีตนเป็นเอก ขึ้นขี่ช้างแก้วเมฆลาตัวองอาจผาสาทตั้งเหนือหลังแพรดำบังสองข้าง กูปช้องใส่ดาวคำ ลำตัวให้ประดับแก้ว ห้างแล้วใส่กระดิ่ง ถัดนั้นนางนักสนมให้ขี่ช้างพังสะดอตัวองอาจ เดียระดาษใส่พวงคำ พวงดำใส่สาวพี่น้อง ให้ประดับเครื่องย้องดูดีมีสีขาวพาดพ้อง คิดคาดค้องกลมงาม สองนางฮามล้ำเลิศแวนประเสริฐแก่ตาคนทั้งหลายให้ดาระวัง 2 ข้างไทหน้าจ้างให้ถือหน้าม่อยหลัง พระยาบรมศรีสญชัยอัยราช ตนเป็นอาจในเมืองแก้วประเชชัยมีพระราชอาชญาให้ประดับประดาหนทางดีลูกเต้า อันจักเสด็จเข้าเมือเมือง ก็มีแล
กัณฑ์ย่อยที่ ๗
เนื้อเรื่อง
ชูชโกปิ โภชนํ ภุญฺชิตฺวา ดูราสัปปุริสาทั้งหลายจักกล่าวนิยายพราหมณ์เฒ่า ฮ้ายโชนชกยกมือขอยอมือทูลพระบาท ให้ลูกน้อยนาถเป็นทานสองกุมารหน่อไท้ ได้แล้วถีบนำมาเถิงนคราเมืองปู่บุญกว้างสู่สมภาร พระภูบาลขื่นช้อย ให้ข้าน้อยตอบตางหลาน มันก็รับราชทานทั้งงัวควายแลช้างม้าทั้งข้อยข้าแลเงินคำ ของจำนำไว้ทุกเยื่อง พราหมณ์เฒ่าได้เครื่องดี เมีย มันแต่งจำหนีด้วยคำแลอำนาจเข้าถงมันขาดแต่ป่าหิมวันต์ มันก็กินแต่หัวมันแลลูกไม้ ใส่เฒ่าตีบหนังท้องแห่งยาน ถัดนั้น บั้นพระภูบาลบุญกว้าง จึงกล่าวว่าเฮามาตกแต่งแปลงเลี้ยงอี่ตาลุงพราหมณ์ก่อนเท่าวันเทอญ เมื่อมันอยู่ในเมืองพาราณสีเฮ็ดบ่ดีไฟลวด ไหม้เฮือนมันเสีย มันจึ่งผันหนีมาอยู่ในเมืองกลิงคราชมีแต่สาดเหี้ยนฮ้ายขาดฮองนอนบ่มีหมอนหมูนหัวสักหน่อย มีแต่เฮือนน้อย ๆ ตูบตองมันก็ปองอยู่ขอกเมืองหากินแต่น้อยๆมีแต่ผ้าลาย ๆ พักพร้อย เหี้ยนฮ้ายขาดจำแอว หาขอกินกลางลาด มีมื้อยังได้กินเข้าปาดแลเข้ามัน มีวันขออันใดก็บ่ได้กินสังสักสิ่ง มีวันท่อใด้กินเข้ากับเกลือ ก็มาเหลือใจเด มาได้นอนเต็งฟาก อดเยื้อนยาก หากขาดแควน พราหมณ์เคยกินแต่แกงผักบุ้งเหมือดกับกุ้งตัวเดียวเมียกินหัวผัวกินหาง ทางกลางไว้วันหน้าเช้า ดูกข้างไว้วันฮื่อ สายบือไว้วันตึ่ง พราหมณ์ก็เคยกินแต่น้ำส้มโอกับหมากเขือ
เมื่อนั้น พระยาบรมศรีสญชัย จึงให้คนทั้งหลายตกแต่งแปลงไว้ให้แก่พราหมณ์เฒ่า คือว่าเข้าต้มแลเข้าหนมแหนบเข้าแปบแลเข้าชายเข้ามุทุปายาส เข้าปาดแลเข้ามัน เข้าหนมตาควายใส่หมากพร้าวเข้าจ้าวใส่น้ำมันหมู สตฺตุภตฺตํ เข้าสะดูก้อนสะดูหย่อย อ่อยห่อยกับน้ำมันปลา เข้าแดกงาหอมยวดเข้านวดแลเข้าสาระวงเข้าผงบั้นเป็นกลีบ เข้าหลิ่มกับน้ำตาลเป็นเครื่องหวานแก่พราหมณ์เฒ่า บ่ท่อแต่เท่านั้น อันว่าเข้าแลแกงทั้งหลาย อันพ่อครัวหลวงหากตกแต่งไว้ด้วยดี มีทุกอันของข่วย คือว่าเจียไข่แลจืนมัน สัพพสันปิ้งจี่ หมกหมอกหมี่แลขนาบ ลาบแลชุบชั้ว ชั้วแลยำตับ ส้มผักกับปลาบ้ำ กุ้งหม่ำแลยำปี๋เป็นเครื่องจี๋แลเครื่องจ้ำน้ำ แจ่วใส่ชิ้นต้มแกงส้มใส่เข้าปุ้น แกงขุ่นใส่หมากจับหงาย ลาบควายตายใส่เพี้ยหย่อ หมกหมากหม่อใส่เข้าเบือหมากเขือกับปลาแดก หมากแปลบกับน้ำมันผักพราหมณ์เฒ่ามักพาโล มันก็เหลียวหลังเห็นทุกภาค งวกหน้าเห็นทุกภาย พราหมณ์เฒ่าเห็นของกินหลายมันก็หัวอยู่ยิยู้มยิย้ามพราหมณ์เฒ่าอยากน้ำลายเหือย เฒ่าผีพายชากจวบ มันจึงปืดหนวดน้าวสีสบ มันจึงขดสะเภานั่งอยู่แล้ว 2 มือมันจึ่งปั้นเอาเข้าขาว ๆ ยาวๆ กลมๆ ยัดใส่ปากชิ้นปลามากยูกิน โย อชฺช โภนฺโต พราหมณ์เฒ่ามักพาโล กินลื่นหลายเหลือล้น เก็บใส่พ้นประมาน บ่พิจารเก็บใส่เก็บขาหมูไส่ลีไล่ ๆ เก็บขาไก่ใส่ลีลัน ๆ ขาหมูมันพราหมณ์แห่งเคี้ยวอยู่ตีตุบตีเตี้ยวปากพราหมณ์เบี้ยวคุงหู ขี้มูกย้อยลืมเช็ดขี้ตาท่อเกล็ดเต่าเหม็นขี้ระแร้ปานน้ำเหน่าผีตาย มันจึงบายหมากทันมากินหมดสามช้า กินหมากหว้าหมดสามขันกินหมากจันทร์หมดสามพ้อม กินหมากขามป้อมหมด 2 กระฌอ 3 กระฌอ บ่อเท่าแต่ท่อนั้น มันก็กินหมากพร้าวห่าวหมด 7 กระนาน กินหมากตาลหมด 7 แซง กินแกงหมด 7 หม้อ หม้อแล 4 หู มันจึ่งถูเครื่องคาวมาใส่ก็หมดชดเครื่องหวานก็ถ้วน กินน้ำแล้วม้วนปากแลหันใจ มือเบื้องขวาคัวเอาขันหมากมาเคี้ยว มือเบื้องซ้ายเหนี่ยวขันหมากมาอมมันจึ่งลีเลือขึ้นเมือเหนือบรรทม ชากเอาหมอนหน่วยกลม ๆ มาเท่าซ้าย แต่นั้นเฒ่าย้ายท้องไปทางใดก็บ่อได้ น้ำเข้าไข่คุงคางมันก็เฮ็ดฮีฮูฮีฮนหนหวยอยู่เทิงกลางผาสาทใจจักขาดบัดกลิ้งอยู่เอือเลือ มือเบื้องซ้ายเช็ดน้ำตา มือเบื้องขวาคัวลูบท้องน้อยฮ้องให้ว่าโอย ๆ เหมือนดั่งเป็นโภยภัยพยาธิฮ้ายไข่ป่วยแต่เหิงนาน
เมื่อนั้น อามาตย์ทั้งหลายจึงเมือทูลพระยาบรมศรีสญชัย จึงให้คนทั้งหลายไปหาหมอยาหลวงมาปัวพราหมณ์ ก็ให้ได้พอฮ้อยหมอยาน้อยก็ให้ได้พอชาว เขาจึงถามหายาอันใดก็บ่ได้แต่ฮากไค้ข่อหล่อค่าข้อมือมาฝนใส่ ให้ท้องพราหมณ์แวบท้องพราหมณ์ก็บ่แวบ เขาจึงเอาฮากหมากแปลบมาฝนใส่ท้องพราหมณ์ดี ท้องพราหมณ์ก็บ่ดี เขาจึงไปเอาฮากพังคีมาฝนใส่ให้ท้องพราหมณ์ชอด ท้องพราหมณ์ก็บ่ชอด เขาจึงไปเอาหมากตอดมาให้พราหมณ์กิน ให้ท้องพราหมณ์ชุ ท้องพราหมณ์ก็บ่ชุ เขาจึ่งเอายาประจุมาให้พราหมณ์กิน ให้ท้องพราหมณ์ลง ท้องพราหมณ์ก็บ่ลง เขาจึงเอายาผงมาให้พราหมณ์กิน ให้ท้องพราหมณ์หาย ท้องพราหมณ์ก็บ่หาย นับแต่มื้อเจ้าสิไกลไปหน้าเป็นเพื่อนออระชอนน้อยหนึ่งบ่พอยาม ท้องพราหมณ์แตกดังปุ ไส้พราหมณ์หลูออกมาลีล้วย ๆ เห็นขาหมูออกมาลี่ไล่ๆ เห็นขาไก่ออกมาแดง ๆ เห็นขาแลนออกมาคู้ยู้ค้างย้า เห็นกระดูกช้างตั้งอยู่เก็นเก ประโทประทายเดแข่วเจ้านี้นา ท่อหมากจักเมื่อเคี้ยวอาหารกิน สังบ่มาให้ท้องมันแหลก สังมาให้ท้องเจ้านี้แตกตายเสียว่าอี่ลุงเอย มาคั่วตายหงายคางอยู่ชะรากงาก ในกลางพื้นผาสาทเมืองแก้วประเชชัย มาคั่วละเงินคำแลช้างม้า ทั้งข้อยข้าแลหญิงชาย กับทั้งถงลายๆ แลไม้เท้า น้ำเต้ากับเหล็กไฟ หนีไปเสียในเมืองแก้วประเชชัย แลมรเนตเขาจึงเมือทูลเหตุอันนั้นแก่พระยาบรมศรีสญชัย จึงให้คนทั้งหลายไปเลิกชากส่งสะการแห่งพราหมณ์เฒ่าเขาจึงเว้าวาจากัน จึงเอาชากพราหมณ์เฒ่าขึ้นสู่โฮงผี ปณฺฑิตชนา ฝูงมีสติปัญญา เขาจึงพิจารณาหาป่าดงดอนอันจักเป็นเชิงตะกอนแห่งพราหมณ์เฒ่า เขาจึ่งเว้าจากันว่า โภนฺโต ดูราชาวเฮาทั้งหลายเอย อยํ พราหฺมโณ อันว่าพราหมณ์ผู้นี้ ตั้งหยาบช้ายิ่งนักหนาเป็นดั่งผียักข์แลผีเผด เป็นดั่งคนนอกเขตเฮาแท้ดีหลี กาฬขิณีจับหัวมันทุกแห่ง ฮ้ายพ้นแพ่งเหลือวิสัย เมือเฮาจักเอาลงไปปลงในดงดอนแลป่ากว้าง มันซ่ำฝั่นชิหลอกคนเทียวทางมันจักไปกุม แม่ฮ้างแลแม่หม่ายสาวหนุ่มแลสาวฮาม เมื่อเขาไปหาหลัวหาฟืนนอนกลางคืนฝันเห็นพราหมณ์เฒ่า เขาจึงเว้าวาจากันว่าเฮาจักเอาไปปลงในห้องน้ำ มันซ้ำสิไหลเมือนา เถิงเมือยามเดือนหก ฝนตกมาน้ำล้นห้วยฝนตกฮวยน้ำล้นห่อง กระดูกอี่ตาลุงพราหมณ์ผัดสิไหลหล่องเลี้ยวโงโค้งใส่ไห่นาเฮาจักได้ปูปลาแมงดาแลกุ้งเหนี่ยวกุดจี่จิ้งหรีดแลแมลงชอน สบหลอนแลท้องเสียด เขียดน้อยแลกบใหญ่ตกท้องเฮามันจักเป็นเปี้ยแลเป็นกล่อมหลังหักหง่อมเพื่อเป็นไอ ดั่งเฒ่าตาพราหมณ์นั้นแท้ ดีหลีนา บัดนี้เฮาจักเอาไปปลงในดงนกพีด อันเป็นป่ากระทิงแลแฮดช้างฮ้ายไหว้ย่านน้ำเล่าไป