กัณฑ์ที่ ๐๖ จุลพน ๓๕ พระคาถา
8 กรกฎาคม 2021
กัณฑ์ที่ ๐๑ ทศพร ๑๙ พระคาถา
8 กรกฎาคม 2021
พระมหาชุมพล โชติพโล

พระเทพโมลี (กลิ่น)

------------------------------

                            คจฺฉนฺโต โส ภารทฺวาโช                    อทฺทส อจฺจุตํ   อิสึ

                      ทิสฺวาน ตํ ภารทฺวาโช                           สมฺโมทิ อิสินา สห ฯ  

                      กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ                                   กจฺจิ โภโต อนามยํ 

                      กจฺจิ อุญฺเฉน ยาเปถ                                  กจฺจิ มูลผลา พหู 

                      กจฺจิ ฑํสา จ มกสา                                 อปฺปเมว สิรึสปา 

                  วเน พาฬมิคากิณฺเณ                          กจฺจิ หึสา น วิชฺชตีติ

                    (1) ขึ้น ภารทฺวาโช อันว่าพราหมณชราภารัทวาชชาติเข็ญใจ คจฺฉนฺโต ก็ไต่เต้าตามอรัญญวิถีมีสำคัญเขาแลไม้ อันนายพรานพเนจรเจตบุตรบอกแจ้งแล้วแต่หลัง อทฺทส อจฺจุตํ ก็ประสบพบพระสิทธาจารย์จอมอัจจุตใจจงเจริญจรรยายอดโยคี ก่อกองกูณฑพิธีกระทำนมัสการ จึงกล่าวปฏิสันถารไต่ถามถึงทุกข์ภัยพยาธิ แลเหลือบยุงบุ้งร่านริ้นกินโลหิต สรรพภัยอสรพิษพวกพาลมฤคร้ายกาจอันจะรบกวน ถามถี่ถ้วนถึงที่เที่ยวแสวงหามูลผลาหาร พระสิทธาจารย์เจ้าจึงแจ้งเหตุ ว่าสรรพภัยอาเพศไม่พาธากระทำร้าย ทั้งมูลผลาหารก็หาง่ายไม่ฝืดเคืองขัดสน ผลเอมโอชอันจะขบฉันก็มากมี เชิญธชีชำระเท้าเสียให้สิ้นธุลีในโรงน้ำ กระทำภุตตกิจกินผลไม้มีอยู่มากครัน ผิจะฉันจงฉันเถิด น้ำฉันเราก็ตักไว้ในตุ่มเต็มตามแต่จะปรารถนา ท่านทุเรศสัญจรมาในวันนี้ นามศรีสวัสดิวิเศษเขตเกษมศานต์ การเจริญอย่ารั้งรอเร่งฉันเถิดหน๋ะธชี พระเจ้าข้าเจ้าประคุณใจอารีรบจะให้รับประทาน ทรงพระคุณหาอันใดมาเปรียบปานบ่มิได้ ข้าธอาจารย์จะขอรับดำรงไว้ที่หว่างเกล้า ด้วยข้าเฒ่าอุตสาหะสืบเสาะเฉพาะหน้ามาทั้งนี้ ด้วยมีกมลมุ่งมาดหมายประสงค์ จะใคร่ประสบพบพระองค์อัครบรมทานาธิบดี มีนามพระเพศยันดรอดุลดวงดิลกเลิศกษัตริย์ในสากล ยทิ ชานาสิ สํส เม ผิแลพระผู้เป็นเจ้าแจ้งตำบลบพิตรที่สถิตสถาน จงโปรดเกล้าข้าพฤฒาจารย์ให้ทราบเหตุสักหน่อย เหม่ มึงนี้ชะรอยถ่อยทรลักษณ์ลามกธรรม์ ใช่จะมาด้วยหวังสวัสดิ์เป็นทางสวรรค์นั้นหามิได้ มญฺเญ ดังกูนึกแน่ในใจไม่ผิดเนตร ชะรอยจะมาขอองค์พระอัครเรศราชชายา ถ้าหาไม่ก็พระชาลีแลกัณหาทั้งสององค์ เออก็ท้าวเธอมาทรงสร้างแสวงบุญบำพ็ญผลเพิ่มผนวชในพนัสดงดอน มีแต่สองลูกรักกับสายสมรมิ่งมเหสี เป็นสามสี่องค์ด้วยกันเท่านี้เห็นหน้ากันเมื่อยามไร้ ฤๅมีทรัพย์สิ่งใดซึ่งจะได้ติดพระองค์มา มันช่างไม่คิดอนิจจาดีแก่ใจอย่างไรหนอหน๋ะธชี อกุทฺธรูปาหํ โภโต พระเจ้าข้าพระฤๅษีอย่าเพ่อโกรธ ข้าธชีนี้ใช่พราหมณ์โหดหินชาติเหมือนเช่นว่า ไม่จงหวังตั้งหน้ามาขอทาน กระทำให้เสียจารีตรามราชวิสัยมหาศาลสืบประเพณี ถึงจะบริภาษพ้อจนเพียงนี้ข้าน้อยก็หนักแน่นนึกเกรงไม่โกรธตอบ ด้วยตัวตั้งอยู่ในความชอบไม่แผกผิด มานี่หวังจะใคร่ประสบพบพานบพิตรพุทธพงศ์ทิพากร อันเป็นศรีสวัสดิ์สุนทรทางทัศนานุตตริยธรรม์อันอุดม ด้วยได้สโมสรสมาคมคบหา   กับพระองค์ผู้ทรงพระปรีชาเชื้อปราชญ์   ไม่มีเปรียบพระประยูรยศอันยิ่งใหญ่ แต่จากเมืองมาอยู่ป่าเป็นความจริง ข้าพระเจ้ายังมิได้เห็นพระองค์เลย พระคุณเจ้าเอ่ยเอ็นดูเถิดถ้ารู้แห่ง จงช่วยชี้ตำแหน่งนิวาสน์สถาน ให้แก่ข้าธอาจารย์ ณ กาลบัดนี้เถิด

                    (2) เดิน ตํ สุตฺวา ตาปโส พระอัจจุตฤษีได้สดับสารคดีมุสาวาท ธชีชาติทรชนช่างรำพันพูดให้เชื่อก็เชื่อฟัง จึงให้พราหมณ์ยับยั้งอยู่อาศัย ในอาศรมสิ้นส่วนแห่งราตรี ยังธชีเฒ่าทลิททกให้รับประทานมูลผลาหารของป่า ครั้นรุ่งสางสว่างเวลาอรุโณทัย จึงพาพราหมณ์ไปสถิตที่ต้นทางเถื่อนวิถี จึงยกทักษิณหัตถ์ขึ้นชี้ให้ธชีจำระยะมรรคา ก็กล่าวเป็นสาระพระคาถา

เอส   เสโล   มหาพฺรหฺเม   ฯลฯ   กปฺกุรา   จ   กลิงฺคุกาติ

                    (3) ขึ้น พฺรหฺเม ดูกรมหาพราหมณ์พรหมบุตร บรรพชาชาติทิชงคพิสัย เอส เสโล แลถนัดในเบื้องหน้านั้นก็เขาใหญ่ยอดเยี่ยมโพยมอย่างพยับเมฆ มีพรรณเขียวขาวแดงดูอดิเรกดังรายรัตน์มณีแนมน่าใครชม ครั้นแสงพระสุริยะส่องระดมก็ดูเด่นดังดวงดาววาวแวววะวาบๆ ที่เวิ้งวุ้ง วิจิตรจำรัสจำรูญรุ่งเป็นสีรุ้ง พุ่งพ้นเพียงคัคนัมพรพื้นนภากาศ บ้างก็เกิดก่อก้อนประหลาดศิลาลายแลละเลื่อมๆ   ที่งอกง้ำเป็นแง่เงื้อมก็ชะงุ้มชะโงกชะง่อนผา ที่ผุดเผินเป็นแผ่นภูตะเพิงพัก บางแห่งเล่าก็เหี้ยนหักหินเห็นเป็นรอยร้าวรานระคายควรจะพิศวง ด้วยธารอุทกที่ตกลงเป็นหยาดหยัดหยดย้อยเย็นเป็นเหน็บหนาว ในท้องถ้ำที่สถิตไกรสรราชสถาน บังเกิดแก้วเก้าประการกาญจนประกอบกัน ตลอดโล่งโปร่งปล่องเป็นช่องชั้นวิเชียรฉายโชติช่วงชัชวาลสว่างตา แสนสนุกในห้องเหมคูหาทุกหนแห่งรโหฐาน เป็นที่เสพอาศัยสำราญแห่งสุรารักษ์รากษส สรรพปีศาจมากกว่าหมื่นแสน สะพรั่งพฤกษ์พิมานแมนทั่วทุกหมู่ไม้บรรดามีในเขานั้น ย่อมทรงทศพิธสุคันธขจรอาจจะจับใจเป็นอาจิณ คนฺธมาทโน จึงเรียกนามว่าศิขรินทร์คันธมาทน์มหิมา เหตุประดับด้วยพฤกษาทรงสุคนธชาติสิบประการมี เชิญธชีจงไต่เต้าตามตีนเขาข้างอุตราภิมุขเขม้นหมายเฉียงเหนืออย่านอนใจ โน่นนั่นคือหมู่ไม้มีอเนกนานานับบมิถ้วน นีลา แลสล้างล้วนสูงสลอน ออกช่ออรชรผลผกาเกิดกับกิ่งก้านระกุแกมแนมใบวิบุลระดับบัง เขียวชอุ่มเป็นพุ่มตั้งดังจอมเมฆมัวเป็นหมอกมูน สรรพสกุณตระกูลทิชากรก็เกริ่นร้องกับกิ่งรุกข์เรียงราย ครั้นเมื่อเวลาลมชายรำพายพัด กิ่งก้านก็ไกวกวัดสะบัดโบก ลำต้นยอดเขยื้อนโยกโยนอยู่ไปมา อิว มาณวา เหมือนมาณพเสพสุราเมื่อแรกเริ่มพึ่งรู้รส ได้ดูดดื่มคราวเดียวไม่ทันหมดก็เมามาย จะตั้งตรงดำรงกายบ่ร้างรอดด้วยสุราร้ายฤทธิ์แรงเมา ในพื้นภูมิภาคนั้นเล่าก็แลเลือน ล้วนผกากลุ่มหล่นลงกลาดเกลื่อนที่กลางดินดูดาษดา สทฺทลา หิตา พรรณหญ้าแพรกก็ขึ้นเขียวสะพรั่ง ดังสร้อยคอขนมยูรยลระยับอ่อนลออยิ่งอย่างสำลีใย ยอดไม่ยาวสั้นสี่องคุลีมีเสมอกันไม่ก้ำเกิน อันหนทางที่จะเดินนั้นสะดวกดายสบายบาทบทจรเจริญใจ ผงไผ่ภัสมธุลีละอองอันละเอียดเป็นฝุ่นฟุ้งมิได้เฟื่องฟื้น ด้วยหญ้าแพรกปูปกไปเป็นพื้นภูมิพนัสสถาน เทียรย่อมให้เกิดวัฒนาการกำหนัดใน กำหนดนามมิ่งไม้อันมีผล มีอัมพฤกษ์เป็นต้นดังสำแดงมา ในจุลวนวรรณนานั้นแล

                    (4) ขึ้น พฺรหฺเม ดูกรมหาพราหมณ์ผู้ประพฤติพรตพรหมจรรยา เราจะพรรณนาถึงสระศรีอันมีอยู่ที่แทบพระอาศรมศิวาวาส แห่งสมเด็จบรมบาทบพิตรพิชิตพิไชยเฉลิมชาวเชตุดรราชธานี มีนามมุจลินท์สินธุสระสนาน สี่เหลี่ยมเปี่ยมไปด้วยชลธารชโลทกา เทียบเทียมไพฑุริยจินดาดวงดูใสสะอาด เย็นยะเยือกอย่างอมฤตยวาริน ระรื่นรวยด้วยกลิ่นอายอบอวล ฝูงกินนรคณานางย่อมชักชวนกันมาอาบกินเกษมสานต์ แสนสุขสำราญสารภิรมย์ระร่าเริงบันเทิงใจในสระนั้น อเถตฺถ ปทุมา ผุลฺลา อำพนด้วยบัวบุษย์เบญจพรรณมีประเภทพิจิตรอาจจะจับเอาใจ ที่ขาวก็ขาวแข่งไสวสีเศวตวิสุทธิสดสะอาด โขมาว ดังสุขุมโขมพัสตร์ลาดแลละลิบละลานตา พรรณที่เขียวแดงก็ดาษดาดูดังแสร้งระดับสลับสลอนล้วนเป็นเหล่ากัน พวกอุบลบัวผันแลเผื่อนผุดกุมุทหมู่ลินจงขจายบาน ในคิมหันต์เหมันตกาล กอปรเกิดกับน้ำดอกนี่ดาษดื่น กำหนดน้ำนั้นตื้นยืนเพียงเข่าควรจะปราโมทย์ อันว่าโกสุมภสโรชก็โรยรายร่วงรสเรณูนวลผกาเกสร หมู่แมลงมาศภมรก็มัวเมาเอาชาติละอองอันละเอียด เสียดแทรกไซร้สร้อยเสาวคนธขจร หึ่งๆ บินวะวู่ว่อนร่อนร้องอยู่โดยรอบขอบจตุรสระศรี สรรพพืชผักในวารีแลริมเฉนียนอเนกนับมากกว่าหมื่นสิ่ง เป็นต้นว่าสาหร่ายสายติ่งตบแลตับเต่า เหล่าถั่วเขียวถั่วราชมาศ พื้นพรรณผักกาดแกมกระเทียมหอมเห็นใบไสว เต้าแตงแฟงฟักใหญ่ยิ่งเท่าเภรี วาริโคจรา หมู่มัจฉาชาติในสระศรีสุดที่จะร่ำ คล้ายๆ ว่ายอยู่คล่ำๆ เข้ากินไคลแล้วเคล้าคู่ ตะเพียนทองล่องลอยอยู่ที่หลังชล กินเกสรอุบลเบือนเข้าแฝงบัวให้บังกาย นวลจันทร์พรรณเนื้ออ่อนแอบสวายแสวงวัง นลเปสงฺคู กุมฺภิลา กรกฎกุ้งกั้งมังกรกุมภีล์ ตะโกกกาแกมกะดี่ชะโดดุกก็โดดดิ้น เที่ยวเล็มล่าหาอาหารกินในท้องธาร แสนสนุกในสระสนานอเนกา ดังสระสวรรค์สุนันทาทิพยสโรชโบกขรณี อันมีในไตรตรึงศ์ตรีเนตรสหัสจักษุเทเวศร์วัชรินทร์ ที่ขอบสระนั้นเป็นทรายอ่อนระคนดินดูสะอาด พื้นพืชคามขึ้นประหลาดล้วนพิเศษสรรพโอสถทุกสิ่งสมตำรา คือพิมเสนเสนียดกฤษณาหนาดโลดทะนง จันคนามหาสะดำดงมะเดื่อดินดีนาคราช โกฏฐ์กะลำพักเพ็ชรสังฆาฏขอนดอกดงกำยาน ราเชนชะมดหมู่กระวานว่านวิเศษ สหัสสคุณเทศจันทองเทพทาโรราชพฤกษ์กระเพราแดง พระยาสัตตบรรณสมุลแว้งวรรณว่านนั้นอเนกนักสุดที่จะคณนา ยังเล่าเหล่าพฤกษาที่เนินทราย ก็รายเรียงร่มระรื่นขึ้นอยู่โดยรอบโรงพิธีกูณฑ์   แห่งสมเด็จอดิศร บดินทร์สูรย์สรรเพ็ชญ์พุทธพงศ์เพศยันดร ยมโดยประดู่ดอกออกสลอนสลับมลุลีกระดังงา สลฺลกิ-โย จ ปุปฺผิตา กระทุ่มทองแทงทวยทั้งกรวยกร่างจิกแจงดอกกระจ่างแลช้างน้าว กิ่งก้านก็ก่ายก้าวเกี่ยวประสาน สุรภีพิกุลกาญจนแก้วเกดกรรณิการ์แกม มหาหงส์ประยงแย้มยี่เข่งเข็ม พรรณพุดตานก็บานเต็มแต่ล้วนเหล่ากุหลาบตระหลบดง รวยๆ ลำดวนทรงสร้อยสุคนธา หอมประทิ่นกลิ่นโยทะกาตระการใจ จำปาออกดอกไสวเรณูนวลล้วนกาหลงเหล่าบุนนาค กากะทิงกะถินกลิ่นหอมหลากล้วนวิเศษ ดูกรธชีเชษฐ อันชั้นนอกนั้นดาษดื่นพื้นพฤกษาสูง เหล่ายางยูงพะยอมใหญ่ย่อมเยียดยัด อกุฏิลา ลำต้นตะละคันฉัตรเฉิดระหงตรงละลิ่วแลสูงสะพรั่ง พรรณพฤกษ์เต็งรังร่มเรียงเหียงหาดเห็นเป็นเหล่าๆ สิมฺพลีรุกฺขา หมู่งิ้วง้าวงามตระหง่าน ปานประหนึ่งว่านายช่างหากพิจิตรผจงเขียน ทั้งคุยข่อยแคคางนางตะเคียนก็คั่งคับ พวกผึ้งก็พากันมาจับประจำกระทำรังเจริญรวงมธุรสวารี ที่ค้อมคดกะทดกะทันนั้นก็มีอยู่มากหลาย กทลิโย อนึ่ง ผลกล้วยกล้ายดิบสุกห่ามทรามกำดัดกินก็เกลื่อนกลาด ย่อมมีอยู่ในที่ใกล้พระอาวาสบริเวณวนาศรม แห่งพระผู้อุดมด้วยศีลวัตรวรวิเศษสืบสร้างแสวงเพศผนวชในพนัสกันดาร อันเป็นเขตพระหิมพานต์นั้นแล

อเถตฺถ   สีหา   พฺยคฺฆา   จ   ฯลฯ   ชาตเวทํ   นมสฺสตีติ

                    (5) ขึ้น พฺรหฺเม ดูกรธชีชาติทิชงค์มหาศาล เอตฺถ พฺรหาวเน ในห้องหิมพานต์ภูมิพนัสวิสัยสุดที่จะรำพัน พวกคณานิกรสัตว์ทั้งหลายนั้นอนันต์อเนกนับกว่าหมื่นแสน ย่อมอาศัยในด้าวแดนดงกันดาร ไพรพฤกษาสารสโมสรสรรพจัตุบทนิกรกับทวิบาท เป็นต้นว่าสัตว์สุรสีหชาติสี่จำพวกพาลผรุสร้ายราวี หนึ่งนามชื่อติณราชสีห์เสพซึ่งเส้นหญ้าเป็นอาหาร หนึ่งชื่อว่ากาฬสิงหะแลบัณฑุสุรมฤคินทร์ เสพซึ่งมังสนิกรกินเป็นภักษา สามราชสีห์มีสรีรกายาพยพอย่างพยัคฆโคขนพิกลหลากๆ กัน   พรรณที่หม่นมัวเป็นมันหมึกมืดดำสำลานเหลืองแลประหลาด   หนึ่งนามไกรสรสีหราชฤทธิเริงแรง ปลายหางแลเท้าปากเป็นสีแดงดุจย้อมครั่ง พรรณที่อื่นเอี่ยมดังสีสังข์ใสเศวตวิสุทธิสดสะอ้าน สามลายวิไลผ่านกลางพื้นปฤษฎางค์แดงดังชุบชาด อันนายช่างชาญฉลาดลากลวดลงเส้นพู่กันเขียน เบื้องอุรุนั้นเป็นรอยเวียนวงทักษิณาวัฏ เกสรสร้อยศอดังผ้ารัตตกัมพล ย่อมสถิตในคูหาเหมหิรัญไพโรจน์รัตน์ผลึกเลื่อมมโนศิลาลาย ครั้นแสงพระสุริยะบดบ่ายสนธยาบาตร ก็ตื่นจากไกรสรไสยาสน์เยี่ยมออกมา จากถ้ำแก้วกนกรัตน์คูหาห้องรโหฐาน เหยียบยืนพื้นประพาฬพรรณประไพแผ่นผลึกเลิศศิลาทอง แล้วเหยียดหยัดสลัดลองไขซึ่งลมฆาน ให้สุรศัพท์สะท้านสะเทือนดังเสียงฟ้า วิ่งฉวัดเฉวียนไปมาด้วยสามารถ โผนเผ่นทะยานผาดแผดเสียง พวกพยัคฆก็หมอบเมียงเขม้นหมายหมู่มฤคคำรามรนแล้วเร่ร้อง อัศวมุขีก็คะนองพาคณาเที่ยวในเถื่อนทาง หตฺถิโย ฝูงช้างก็ชักโขลงคละคล้ายคล่ำเคลื่อนคลาขึ้นจากท่าและลงธาร ทุกแห่งหุบห้วยละหานเที่ยวหากิน มีหัศดินทร์อรรคอำนวยวงศ์ทรงศุภลักษณพิเศษสารสิบตระกูลเกิดกับป่า ทั้งพวกพรรณหมู่ม้ามิ่งมงคลลักษณะหลายอย่าง เขียวขาวด่างดำแดงดูอดิเรกร้องหฤหรรษ์ หมู่ทรายก็ส่งเสียงกระสันแซ่เซ็งประสาน ฟานฝูงคณาเนื้อนิกรกวางดงดูนี่แดงดาษ หมู่ละมั่งระมาดระมัดกาย ชะมดฉมันมั่นหมายเม่นหมีหมูหมู่กระทิงเถื่อนโคถึกเที่ยวทูรสถาน กาสรกำเลาะลานก็ลับเขาเข้าเคียงคู่ กระจงจามรีรู้ระวังขนมิให้ขาดระคาย ตุลิยา นลสนฺนิภา กระรอกตุ่นกระแตต่ายก็ไต่เต้น เหล่าลิ่นแลเหี้ยเห็นก็ระเหหันหาภักษา พวกพรรณเลียงผาก็ผาดผันเผ่นโผน มกฺกฏา ฝูงพานรกระโจมโจน ทะยานยุดโยนโยกยะยวบไม้ หมู่ค่างบ่างชะนีไห้คละโหยหวน เสียงโขมดนางไม้เล่าก็คร่ำครวญคระครึมคราม ปางเมื่อยามย่างเข้าสายัณห์ย่ำยอแสงสหัสสภาณุมาศ ได้ฟังแล้วนี่ก็วาบหวาดวังเวงวิเวกวนาสัณฑ์ เสียวสะท้านสะทึกพรั่นเย็นระย่อยะเยือกสยดสยอง หริ่งๆ เรไรร้องทุกราวรุกข์ระงมป่า แจ้วๆ จักกระจั่นจ้าประจำดง นานาทิชคณากิณฺณํ พวกพรรณพิหคหงส์ก็เหินหันเข้าหาคู่คณานางนกแนบในรังเรียง หมู่มยูรก็ส่งเสียงกระสันเมฆมาดหมายเป็นภักษา ภสฺสรา จ กุกุตฺถกา สกุณกดไก่แก้วกะหรอดกะเรียนร้องระวังไพร จากพรากเพรียกจับพฤกษาไสวแสวงเหยื่อมาเผื่อเพื่อน สัตระวาวายุภักษ์เลื่อนชะลอลม เหล่ากะลิงโกลิลากระลุมพูก็โผผิน พวกพรรณประหิตหัศดินแลดอกบัวกระตั้วกระเต็นเต้นเบญจวรรณา โนรีสาลิกาตระเวนวันพรรณขาบคุ่มกระทาขันกางเขนเขา เหล่าล้วนเลิศด้วยขนเขียวขาวด่างดำแดงดูประหลาด อณฺฑชา ทั่วทิชคณานั้นมีชาติเกิดแต่ฟองฟัก เสียงสุโนกเสนาะนักน่าใคร่ฟัง ย่อมอาศรัยทำรวงรังอยู่โดยรอบขอบจตุรสระกระแสสินธุ์ ชื่อมุจลินทสโรชโบกขรณี ดูกรธชีอันหนทางที่จะเดินนั้นโตรกตรง จงอุตส่าห์ไปอย่ากลัวอด ด้วยป่าอ้อยเอมโอชารสนั้นมีเรียบริมมรรคา เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าสมเด็จบรมหน่อนรารัตนธิเบศร์เวสสันดร กับกษัตริย์ทั้งสามสโมสรทรงพรตเป็นบรมดาบสราชฤษี อาสทญฺจ มสญฺชฎํ ทรงกระหมวดมุ่นพระโมลีจุฬาเลิศอลังการ เฉวียงเวียดบวรสังวาลวิจิตรจัมมาภรณ์ ฉมา เสติ กระทำพื้นพสุธาธรเป็นแท่นที่พระผทมทรง น้อมพระองค์ลงถวายกรกองกูณฑพิธีกระทำนมัสการ ยตฺถ ปเทเส สำเร็จพระอิริยาบถสำราญในสถานที่ใด เชิญธชีทิชงค์จงไปสู่สถานที่นั้นเถิด

    ตมตฺถํ   ปกาเสนฺโต                                สตฺถา   อาห

                    อิทํ   สุตฺวา   พฺรหฺมพนฺธุ                               อิสึ   กตฺวา   ปทกฺขิณํ

                    อุทคฺคจิตฺโต   ปกฺกามิ                                      ยตฺถ   เวสฺสนฺตโร   อหูติ

                    (6) เดิน ยํ อตฺถํ อันว่าอรรถอันใดยังมิได้ปรากฏ ในจุณณิยบทภายหลัง ตํ อตฺถํ สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์พุทธบรมนาถนราสภศาสดาจารย์ เมื่อจะโปรดประทานอรรถอันนั้นให้แจ้ง จึงตรัสว่า ขึ้น ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรวินัย ผู้เห็นภัยในสังสารวัฏโดยพิเศษ พฺรหฺมพนฺธุ อันว่าเฒ่าทลิทเชษฐ์ชาติทิชงค์พงศ์เผ่าภารัทวาชโคตรคนภิกขาจาร สุตฺวา ครั้นได้สดับสาส์นพระนักสิทธิ์สิ้นสงสัยโสมนัสปราโมทย์ น้อมเศียรศิโรตม์ด้วยมโนภิรมย์ระรื่นเริง รับคำพระอจุตตฤษีซร้องสาธุการสรรเสริญ ปทกฺขิณํ กตฺวา เฒ่าก็ด้อมเดินกระทำประทักษิณสิ้นตติยวารกำหนด นมัสการประณตประนมลา บ่ายภิมุขมุ่งพฤกษาสำเหนียกเนินไศล ไปโดยอุดรทิศสถลมารคระมัดกาย ผู้เดียวเดินสันโดษดายในแดนดงพงศพนัสแสนกันดาร เห็นแต่ไพรพฤกษาสารกับเสือสีห์สรรพสัตว์นิกรอันร้ายกาจ เวสฺสนฺตโร อันว่าพระพงศ์ภาณุมาศมิ่งมไหศวรรย์พระเวสสันดรราชฤษี อหุ เมาะ อโหสิ แลมี ยตฺถ ปเทเส ในอมรินทรสุราศรมบรมนิวาสนสถานเทวนฤมิตรสถิต ณ ประเทศที่ใด ปกฺกามิ พราหมณ์ก็รีบร้อนสัญจรไปด้วยใจหวัง ตํ ปเทสํ สู่ประเทศที่นั้นแล ฯ

มหาวนวณฺณนา   นิฏฺฐิตา ฯ

ประดับด้วยพระคาถา ๘๐ พระคาถา

เอวํ ก็มีด้วยประการดังนี้แล ฯ

(ปี่พาทย์ทำเพลงเชิดกลอง)