ผูกที่ ๙ กัณฑ์มัทรี
กัณฑ์ย่อยที่ ๑
เนื้อเรื่อง
ยํ ปน ตํ รญฺญา มหาปถวึ อุนฺนาเทตฺวา พฺรหฺมณสฺสา ปิยปุตฺเตสุ ทินฺเนสุ ยาว พฺรหฺมโลกา เอก โกลาหลํ ชาตํ อโหสิ ดูราสัพปุริสาทั้งหลาย ยํ สพฺพญฺญุตญาณํ อันว่าผญาสัพพะยุตตะญาณ ดวงนั้น อุลฺลาลํ อันประเสริฐ อุลฺลา ราชา เสยฺเย หิ โพธิสตฺ เตนหิ อันว่าพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายฝูงประกอบด้วย อุลฺลา ราชา ใส่ใจอันประเสริฐ ปตฺถีตํ หากปรารถนา ปิยปุตฺเตสุ ในเมื่อพระลูกฮักอัคคะเสน่หา รญฺญา อันพระเวสสันดรมหากษัตริย์ ปตฺเถนฺเตน อันปรารถนาเอาตั้ง สฺพพญฺญุตฺตญาณํ ยังผยาสัพพัญญูดวงนั้น ทินฺเนสุ แลให้แล้วยังลูกแก้วทั้งสองเป็นทาน แก่ชินนะพราหมณ์ ยํ ปถเภณี อันหน้า อุณฺณาเทตฺวา ก็ให้ฮ้องก้องหวั่นไหวไปมา แลมีดังนั้น เอก โกลาหาลํ อันว่าเสียงอุคคะรุก นีนั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็เกิดมีแก่ ปตฺถเภณี ตีฮอดยอด อกฺกานิถา เทวตา โย อันว่าเทวดาทั้งหลายฝูงย้ายยั้งอยู่ ในประเทศเขต อรญฺญา สุตฺวา ได้ยินแล้วยังเสียงไห้แห่งแก้วแก่นไท้ทั้งสอง ก็มีพระทัยใจเหมือนดั่งจักแตกเป็นอันยิ่งก็จริงต้านจารจาเชิงกันไปมาว่า ดูราชาวเฮาทั้งหลายเอย ผิวาแก้วราชมัทรีสีแก่นเหง่า อันจักเข้ามาสู่กูแก้ว พระปันนะศาลา เมื่อยังวัน นางบ่เห็นยังลูกทั้งสองพี่น้อง ในห้องแห่งศาลา ปุสฺสิตฺวา นางจักถามหาเชิงเวสสันดรวรราชา สุตฺวา นางได้ยินว่าให้แล้วยังลูกแก้วทั้งสองเป็นทานแก่ชินพราหมณ์ดังนั้น นางก็จักแล่นลัดผัดไปมานำหา อนุภาเวยฺย นางก็เพิ่งว่าจักได้เสวยทุกข์มากหนักหนาสาแล อถฺถา ถัดนั้น บั้นเทวดาทั้งหลาย ฝูงย้ายยั้งอยู่ในประเทศ ท้องห้องป่าหิมพาน คันว่า ได้ยินสานเสียงไห้แห่งแก้วแก่นไท้ทั้งสอง เสน่หา อานา เปสุงฺ ก็จริงบังคับเทพบุตรทั้งสามตนวิเศษมีประเภททะคาถาว่า ตุมฺเห อันว่าสู่เจ้าทั้งสามเอย อันทรงนามวิเศษสู่เจ้าจงไปกลับเพศ เป็นเนื้อคะนอง เจ้าตนหนึ่งจงนีรมิตเพศ เป็นดังราชสีหาชื่นช้อย เจ้าตนหนึ่งจงนีรมิตเพศ เป็นดังเสือโค่งพลอยลายเนือง เจ้าตนหนึ่งจงนรีมิตเพศ เป็นดังเสือเหลืองฮ้องเสียงส่ง ดังทั่วทงควรพะลึกษาเพิ่งกลัว สนฺนีรมฺหิตฺวา เจ้าทั้งสามจงไปนอนลัด อัดหนทางที่นางแก้ว แม่ราชมัทรีสีแก่นเหง่า อันจักเข้ามาสู่กู่แก้วพระปันนะศาลา ยาจิยมานาปิ แม้นว่าเจ้ามัทรีสีหน่อไท้มักใคร่ได้ยังหนทาง ขออย่าว่างคุงคำตราบได พระสุริยะตกต่ำเพียงพอตาอย่าฟ้าว ให้นางพระยามานั้นเทิ่น ยถฺถา สันใดคันนางพระยาจักเข้ามาสู่กู่แก้ว กุตดีด้วยรัสมีเมื่อแจ้ง สู่ท่านจงแสวงคณิงไว้เจ้าเอย เอว มสฺสา สู่เจ้าทั้งหลายจงกระทำรักษาไว้ ยังยอดไท้นางเมือง ด้วยประการดังสั่ง สู่เจ้านั้นทั้งสาม ด้วยคำงามสิ่งอันกล่าวอย่าได้ฟ้าวให้นางแก้วถ่าวมรณัง ตมตฺถํ ภิกฺขาเว ดูราภิกขุทั้งหลาย นิยายธรรมดวงนี้จัก คณฺณณา จาเถิงเทวดาทั้งหลาย ฝูงย้ายยั้งอยู่ในห้องหมู่ทิสสาในเมื่อ สพฺพโล ส่งเสียงอุดมแหบไห้แห่งแก้วแก่นไท้สองพระองค์อันประสงค์ฮักแม่ไห้อะแอ่แล่นไปมาคั่วพระกษัตริย์ตาดังนั้น เทวดาก็จริงกล่าวคาดแค้วคำควรจาเสียงสวนสุดสะอาดเถิงเทพ พระราชท้าวสามพระองค์ ว่า สู่เจ้าจงทรงเพศเป็นดังเนื้อพิเศษสามตัว ให้แลดูเพิงกลัวสุดขนาด กระทำดุจจะดัง จักคั้นคาบแก้วนางพระยาเจ้าตนหนึ่งเป็นดังราชสีห์สาวเปรียบช้าง เจ้าตนหนึ่ง เป็นดังเสือโค่งอางอันเอาคน เจ้าตนหนึ่ง เป็นดังเสือเหลืองอันจักมาเชยชมเปรียบปัน สู่เจ้าจงไปนั่งเฝ้าฮั่นแห่งหนทาง อันนางแก้วแม่ราชมัทรีสีนางเมือง หน่อแก้วอันจักมาเที่ยวท่องอย่าให้นางหน่อแก้วถ่าวลอยมา มหาวนฺโน เจ้ามัทรีสีมัทธราชอย่าให้นางได้อดสายืนยากมาเหิงสายัง คันว่า ตะวันว่างตกต่ำจิงให้นางพิมพาถ่าวค่ำเขียวมา มเหอมฺหากํ เนื้อทิสสามีแหล่เทียนย่อมอยู่เอื้อมแต่ อานา อย่าให้หิงสาแสนส่ำหน้า สร้อยส่ำบุญชมแม่เน้อ สิโห ผิว่าราชสีหาราช เยียวว่า จักคั้นคาบแก้วนางเมือง เพียกฺโฆ เสือเหลืองนิททะเน็ง เสือโค่งเต้นราวีแม่นั้นหนา เนวสฺสา คันว่าราชมัทรีมรณาต ชาลีราชจักตายตามแลนอ กุตฺโต กัณหางามยอดฟ้าก็จักก้มหน้าม้อยมิ่งมรณาบ่ย่าชะแล อุปฺปาเย คันว่าอธิกรณ์อันใหญ่สองอันนี้บ่ใช้ สามาน ปตฺติปุตฺโต คือว่าพลัดพระภูบานผ่านเหง่า อันหนึ่งจักได้พลัดลูกเต้าแม่ทั้งสอง บ่อย่าชะแล อถฺถา เต เมื่อนั้น บั้นเทวบุตรทั้งสามก็ฮับเอาคำเทวดาอันสั่ง ว่า ดี ๆ แล้ว เจ้าตนหนึ่ง เป็นดังราชสีเต้นตื่น ตนหนึ่งเป็นดังเสือโค้งคลื้นคะเนืองเจ้าตนหนึ่ง เป็นดังเสือเหลืองนั่งอยู่ถ่าตันพายหน้านางจักมา ปติปตฺตา โย โสตฺมทฺที ปิจา นางแก้วแม่ราชมัทรีว่าคืนนี้ นิมิตรแข็งเหลือโพด เห็นจักมีโทษ ฝันฮ้ายโสดหนักหนาก็บ่เห็นหน้า แท้นอ สกฺกา เจ้ามัทรีว่ากูจักเอาลูกไม้ให้ได้แล้วเมื่อยังวันจักเสด็จพลันเข้าเมียสู่เฮือนแก้วกู่เมื่อยังวัน กปฺปนฺนา แม่ก็ฮ่ำเพิงหายังผลาลูกไม้ต้นหน่อไท้ ก็สันสายไปมา อถสฺสา เสียมใบบางคมมาแผ่หลุดจากมือแม่เลยลง ตทา ลูกไม้เต็มกระเช้าตกจากบ่าเจ้ากระจัดกระจายสังมาหลากแท้น้อ ทกฺขิณา ตาซ้ายมาละเลง เขม่นบื้องขวาดังนี้นีนอ ผาลีโน อปฺปรุกฺขา ไม้ทั้งหลายต้นเปาหลิงเบิงก็บ่เห็นเป็นหมากพวงมากหนักหนา สพฺพา กู่กลางวันแต่กี้เบิ่งพ้นพี้ ทิสฺสา มืดมัวตาแลน้อ สากินี แม่จงใจหน่อไท้เยียวว่านิมิตนี้แต่ก่อนบ่หอนมี พลอยมาเห็นแก่ตานี่จานอ กึ ภวิสฺสติ ลางอันนี้ฮ้อยว่าจักได้แก่กูลือ หลือฮู้ว่าจักเป็นลางแก่ลูกน้อยนาถราชกัณหาชาลีหลือฮู้ว่าจักได้แก่พระยอดสร้อยสมสีนางฮำเพิ่งเถิงแล้วนางแก้วก็จิงสวดทียวย ฮ้อยคาถาว่า ขานิถิกํ เสียมขุดมันนำฮาก มุลฺลชาติ ชันกระจัดกระจายจากมือกู ทกฺขิณา ตาซ้ายมาดิ้นละเลง ตามาเขม่นเบื้องขวาหลากแท้นอ อพฺผลา กูเห็นหมู่ไม้มีลูกมากเบิงไปแล้วหากกับหาย สพฺพทิสฺสา อันว่าทิศทั้งหลายดูหลากหลิ่งแท้หากบ่เห็นหมาก ตสฺสา ตาวันคราวแต่กี้เลยค่ำนี้หนักใจ อสฺสถา กูเดินไพรสะพู่เข้าไปสู่ผัวขวัญทางฮีบเทิน อถฺถา เห็นตาวันว่างลงหลุ่มถาถ่าวชุ่มพอยาม เมื่อกี้กูหลำสิ่งเสือสางสีหาราช เนื้ออำนาจเต็มหนทางแม่นั้นหนา นิเจ ตาวันว่างตกต่ำเข้ายามค่ำมาแล้วนกน้อยผ่ำเมียนอน ทูเร กูจักคอนกระเช้าเมียเป่า สู่กูแก้วเก่ากุฎีเล่ายังควรชอบลือ อยญฺจ กูเอามาเหลือแหล่ลูกไม้แต่ในป่าหิมพานต์ ตนฺเต ยังจักหวานหลือชามพระอยู่เกล้าจอมสี โส นุน แก้วกับตนเอยเจ้าหล้า พระขินเข้าตนเดียวอยู่ในไพเขียวแก้วกู่ไผจักมาเป็นคู่นอนแฝง โสเต สองเพิงแพงอยากเข้าพ่อจักเลาโลมขวัญ มมํ คันกูนางนานเมื่อฮอดลูกน้อยจอดใจเถิงชะแล นางฮำเพิงเถิงสองพระแม่ลูกแก้วแก่นกูเอย สองตนเอยกำพร้าคะหม่อมหน้าบุญชม ยามนี้สองกับตนหนุ่มเหน่าฮ้อยทีอยากข้าวอ่อนโอยแฮง ขีลํ สองเพิงแพงลำบากคือลูกเนื้อน้อยอยากกินนม เตนุน ดุจจะดั่งยามอะแอ่ลูกฮักแม่ทั้งสอง เป็นคนตอมหิวโหดเป็นกำพร้าโสดสุดใจอยู่นอ สายํ ตาวันใสระห้อยตกต่ำค้อยยามแลง อันว่าสองเพิงแพงพระแม่ อยากน้ำแต่แวนตายสองสมสายลูกแก้วกูพรากแล้วนานชม กปฺปนฺนา อยู่ประโลมฮักแม่อยู่เอื้อมแก่พระเมือง ปจฺจุ สองบุญเฮืองลูกหล้า ยืนอยู่ถ่าแม่กลางสนาม วสฺสา คือว่าลูกงัวงามแง่ฮ้องเฮือกแม่มาชม เตนุน กูประโลมใจจอดแก้วแม่ยอดเมืองคน กปฺปนฺนา อยู่ทัวระพนลำบากกำพร้าพรากกินนม ปจฺจุ อยู่เชยชมเมาะแม่ไห้อะแอเฮียกหากู หึสา คือหงษ์สากาก้องฮ้องอยู่ผำเหนือตม เตนุน สองกุมารตนกลมเกลี้ยงกูแม่เลี้ยงอยู่โลมใจ กปฺปนฺนา อยู่อาลัยละห้อยสองยอดสร้อยบัวคำแม่เอย สองสีเลยเป็นกำพร้า ชมช่อหน้าเฮียกหากูว่า โอนอ มาอิดูสองหน่อไท้ เล่นที่ใกล้ศาลา เอกยโน หนทางเทียวในป่าไม้ยกหย่างได้ตีนเดียว สารว เหวเขียวมีใหญ่กว้างสองตาบข้างมรรคคา หนทางใดกลางป่าบ่เห็นหนีแก่ตากูเด๊ เยน กูไคคาเข้าไปสู่เฮือนแก้วกู่ห้องนอนแม่นา กูแม่ยอมือยกใส่เกล้า นบน้อมเจ้าสีโห กานุน ทรงกำลังพ้นแพงในห้องแห่งหิมพาน ทมฺเมน เจ้าหากเป็นพี่ชายด้วยชอบ อย่าได้ลุกแล่นลอบโลมใจ มคฺคํ เจ้าจงให้หนทางแก่ข้าจักเมือชมลูกหล้าแลผัวขัวญ แด่เทอญ ข้าหากเป็นเมียในสงสารแต่น้อย ๆ พระเจ้าข้อยชื่อว่า เวสันดรหน่อกษัตตาลูกท้าวยศยิ่งด้าวเมืองคน ตญฺจ ข้าจำเริญโลมลูบน้าวแก้มจูบเชยชม รามํ คือสีดางามแง่บำเรอแก่เจ้ากูมา ตุมฺเหหิ ขออัญเชิญท้าวลีลาค้อย ๆ ข้าจักเมือชมลูกน้อยหน่อสายใจ สายังยามยากวะวู่ ยามเย็นอยู่คลองกิน พหู สองภูมินหน่อไท้กูไคร่ได้เมือเห็น ชาลีคือชาลีงามเจืองเจ้านางหน่อหน้ากัณหาแม่นา พหู ดวงผาลามีหลายหลากลูกไม้มวนมันอักโข เป็นของฉันบ่น้อยดูชื่นช้อยมีวันมากแล ตโต มักอันใดข้าจักให้แก่ท่านไท้ทั้งสาม มคฺคํ ข้าขอวอนจีไจ้ขอจงให้หนทางไปแก่ข้า จักเมือชมลูกหล้าแลผัวขวัญแด่เทอญ อถเต เทวบุตรทั้งสามหลิงดูยามไปมาเห็นเวหาอันชอบแล เทวบุตรฮู้ว่าปานนี้โสดนา ควรกูปงพระราชอาจยา พระวรวงวาสก็เลยให้ราชมัคคา แก่นางพระยามีแล อถฺถาย เทวบุตรทั้งสามก็จิงให้ราชมัคคาแก่นางพระยา ตมตฺถํ ภิกฺขเว ดูราภิกขุสงฆ์อันทรงธรรมวิโรจน์ จตุปริสุทฺทสีลา โสดเสวยผลฟั่งต่ำบนผิวผ่อง นางถ่าวกล่าวถวายสาน แม่ขอวอนวานสองคำอ่อนอ้วน ๆ อ่อนอรชร นางก็ยอกลอนกราบเกล้าไหว้มิคคะราชขอทางควรเฮาว่างจอมนาถ คือดั่งใจจักขาดหิวหาย ฮำฮนตายใช่น้อยหน้ากูณา สุตฺวา ฟังวาจาแหบไห้แห่งนางไท้วีวอน ฝูงเนื้อนอนอยู่หั่นพรากที่นั้นกลับหนี เจ้ามัทรีบ่อยู่เข้าไปสู่กลางสนาม ยังทิพพะอาฮาม เมื่อนั้น สากาเร ในเมื่อเทวบุตรหลีกหนีแล้วนางแก้วตนอุดม เข้าไปสู่อาสมฮอดแล้ว ตทา วันนั้นรอถ่ากินนมแม่นา ปรารมใส่นักแค่คำค้อย ๆ แม่ก็กอดเอาขวัญ วคฺคํ ชักช้อนกันฮำฮ้องคะเม้นต้องหัวใจแม่นา วันนี้บ่เห็นสายสมรคือแต่กี้ แก้วแม่นี้ไปลี้อยู่หนใดนี้เด ชาลีคือชาลีสีสายใจจอมสวาท แลนางน้อยราชกัณหา เคยแล่นต้อนแม่ วิ่งมาแต่ไกล คือดั่งลูกงั่วไวผันแผ่ แล่นต้อนแม่แต่ไกลมา นั้นแลนา
กัณฑ์ย่อยที่ ๒
เนื้อเรื่อง
สกฺกีลี ตนกูคือเยียงผาแลแม่เนื้อละลูกเฮื้อกลางไพร ปกฺขี คือแม่นกบินไปเจียระจากบินแล้วพรากฮังตน โอหาย ลูกเฮฮนฮ้องไห้พ้อยปล่อยไว้เดินหนี้ สิโห คือแม่ราชสีตัวมีใจจงจอดเดินด้าวสอดโคจร วันนี้กูวนเวียนหาบ่อนแล้ว ลูกแก้วแม่นี้บ่เห็นมา ชาลีคือชาลีสีใจเนื้อ แก้วแม่เกื้อกัณหา มีทั้งฮอยบาทาแล่นลูกแก้วแก่นกับตน นาคา คือฮอยตีนลูกช้างเที่ยวเทศหาเขาเขียว จิตฺตกา สองพิมพากำแล่นทรายดีดเต้นผุยผาย สามํ สองศรีย้ายแผ่ไว้ในที่ใกล้ศาลา ในวันนี้หาบ่ได้ลูกแก้วแก่นไท้แม่ไปที่ใดนี้จา ชาลีคือชาลี ศรีแก่นไท้แก้วกัณหาหน่อเทวีแม่เอย วารุกา กองทรายข้ากอบไว้ในที่ใกล้ศาลา บุตฺตกา สองพิมพาพี่น้องปัดฝุ่นต้องเต็มตน สามนฺตา แล่นวัดเวียนใจจอด แจ้วแม่ยอด ภูมฺมา โส เตนุน แม่ประโลมใจฮักบ่แล้วบ่เห็นลูกแก้วแม่หนใด เยน บ่เห็นสองพี่ใส่ดอกไม้เมื่อก่อนเจ้าตนตือกูเอย อารญฺญา กูเดินไพรมาฮอดแล้วแกะกอดแก้ว กูแม่เชยชมวันนี้กูเลยทุกข์คอยเล่า ลูกแก้วเก่าแม่นี้บ่เห็นมา ชาลีคือชาลีศรีหนุ่มหน้าแก้วกำพร้า ชมขวัญภูมีคันว่าสองอุดมพระแม่ แล่นต๊อนแต่ไกลมา เตนะ สองพิมพาพี่น้องบ่เห็นห้องหนใด อิทญฺจ ของโลมใจเลิศแล้ว แห่งหน่อแก้วทั้งสอง ปตฺติตํ หมากตุมไสสุกไหม้เล่น แล้วไปตกดินวันนี้ บ่เห็นสองภูมินลูกหล้ายืนอยู่ถ้ากินนม ชาลีเอย คือชาลีศรีแก่นไท้ แก้วดอกไม้แม่กัณหา ถานานมขาดแม่เค่งทั้งสองเต้า เพราะว่าลูกแจ่มเจ้าบ่ทันได้เสวย อุปฺโภ นางอกเลยจักแตกม้าง เพราะว่าลูกพรากข้างจอมใจ สองจอมศรีกำพร้าไปซ้อนหน้าอยู่หนใด ชาลีคือชาลีศรีองอาจแลนางน้อยนาทแม่ราชกัณหา อุจฺจํ ชาลีเล่าเลิศฟ้านางหน่อหน้ากัณหา ถานากัณหาน้องเหน่งสักนิดเล่นนมกูว่าโอนอ ๆ กุมแม่มืนตาผ่อ ก็บ่เห็นลูกแก้วหน่อสายสมร ชาลีคือชาลีงามปรารภไว้ แก้วกัณหาแม่นา ยสฺสา สองบัวตาอยู่ถ่าช่องช่อหน้ายามเย็น บุตฺตกา แม่เคยเห็นสองหน่อแก้วกลิ้งเกือกแล้วนอนทราย อุจฺจํ สองสมสายเอื่อเขื่อกลิ้งเกือกเนื้อนอนเพา เตน ลูกกูเล่าเลิศฟ้าวันนี้บ่เห็นแก้วกำพร้าแม่หนใด อยํ อาสมไสสาโรด เมือก่อนโสดยังเฮือง สมโช กูเห็นเนื่องบ่เว้น ในที่เล่นมหรสพก็บ่พบสองอุดมลูกแก้ว คาคาดแล้วบ่เห็นมา อมเต อาสมเย็นดูหลากคือพระหากเทียมทันนั้น แลนา กิมิทํ อาสมดูสงัดหลากนอ ก็บ่มีเสียงฮ้องเฮียกหากัน อาสมบทก็บ่มีเสียงขานจักหยาดในอาวาสแก้วกูศาลา กาโกลา กากลางดงด่านด้าวก็บ่บินมาฮ้องละลาวเลิอนลงมา มาตา สองโสภาแก่นไท้ ละแม่ไว้พลอยตายแล้ว อันชะลือ กิมิทํ อาสมเลยซับสิ่งก็บ่มีเสียงฮ้องสิ่งมีนันแท้น้อ อาสมบทก็บ่มีเสียงจากันสักหยาด ก็บ่มีเสียงฮ้องจาดไอจามหลากนอ สกฺกุณา นกทั้งหลาย ในเถื่อนก็บ่มาฮ้องละเลือนขานขัน มาตา สองจอมทันพี่น้อง เกิดฮวมท้องแม่พลอยตายแล้ว อันชะลือ อิติ สา เจ้ามัทรีไห้ฮำไฮน้ำตาไหลเข้าไป วะวู่ ตั้งหน้าสู่สำนักพระจอมตัยแก่นไท้ ปงกระเช้าลูกไม้ไว้ที่จิมไกล พระองค์การมีแล ทิสฺวา นางก็เห็นท้าวทรงพุทพรากหน้าฮ้ายหลากแก่ตาเดน้อ อันหนึ่งก็บ่เจียระจาด้วยแม่ ทารกา อาหาอันหนึ่งก็บ่เห็นลูกฮักในสำนักพระองค์การ ยินรำคาญอกแก่นไท้แม่ก็ฮ้อง ฮำไฮกล่าวคาถาว่า กิมิทํ เป็นการใด พระจอมหัว เอย จ้าหล้า วันนี้สั่งบ่มาอวยหน้าต้าน จารจาอาถิจาฮู้ว่าฝันหลากวันนี้ท้าวบ่ปากเจ็บใจ กาโกลา กากลางดงด่านด้าว ก็บ่บินมาฮ้อง ละลาวเลือนลงมา มาตา หน่อยว่าสองขาตายตนม้วย ก็บ่มาเอาแม่ไปด้วยกินนมนี้น้อ กิมิทํ วันนี้มาบ่มีใจกล่าวต่อว่าข้าผิดต่อท้าวสันใด อปิจา ข้าสงสัยดูหลากฝันฮ้ายหากเป็นลาง สกฺกุณา นกมามวลฮ้อยคู่มาม่ายชม หลือขอกขั้นสองจอมทันพระแม่ตายแล้วแต่กลางไพร พระจอมตัย เอย เจ้าหล้า วันนี้เสียลูกข้าพระเมืองเจ้าเอยเสียลูกข้าฮ้อยว่า หลือว่าเนื้อฮ้ายฝูงอยู่ป่ากัดคั้นคาบเอาไปกินแล้วอันชะลือ อรญฺเญ พระนารายสงสารสงัดอยู่เย็นใจนี้นา สัตว์ตัวใดปล่อยเอื้อเอาแก้ว บุญเอื้อแม่ไปกินแล้วอันชะลือ อทุเต พระจอมตัยเอยเจ้าฟ้า ท่านใช้ให้ลูกกำพร้าไปสืบคำเมืองนั้นลือ อทุเต ฮู้ว่าสองบุญเฮืองหนอหน้าให้เมือไหว้เจ้าฟ้า ชื่อว่าพระยาศรีสนไชย นั้นลือ อทุเต ฮู้ว่าข้าเล่นไวแวนรอบทุกเท่าบอกเดินดง อทุเต ฮู้ว่าข้าแลน้อ เห็นสองพี่น้องกอดกันนอน ชะลือ เนวสฺสา บ่เห็นผมเขียว ๆ งาม ๆ แซมดอกไม้ แห่งแก้วแก่นไท้สาวสวรรค์ แล นา ก็บ่เห็นฮอยตีนอันพลันตะแป่นแห่งแก้วแก่นชาลี สกฺกูณา นกอินทรีย์ ลงคาบแก้วลูกข้าเครื่องปีกเวินบินไป เยน ว่าสัตว์ตัวใดตอดได้แล้วกุมกอดแก้วแม่ไปกินแล้วอันชะลือ อถฺถา นางแก้วมัทรีว่าเป็นสันใดท้าวมาเฮ็ดตามาว มาบ่ปากต้านกล่าวกับกูยืน อุสฺสู มม อาหา ข้าน้อยบ่มีโทษอันใด ข้าบ่ใดกระทำผิดใจพระบาท ข้าบ่ใดประมาทท้าวผู้บุญเฮือง วันนี้พระ จอมเฮืองเอยเจ้าฟ้า มาบ่ปากข้าเห็นหลากอัศจรรย์ ขอแก่พระจอมทันเจ้าฟ้า แม่ก็ฮ้องไห้กล่าวคาถา ว่า อิทํ ตโต ปุบฺพิตฺต พระบาทไทธิราชผัวขวัญ ยํ ปรมํ ทุกฺขํ ทุกข์อันใดแห่งข้าคือไพรฟ้าหากขับหนีจากให้ข้าพลัดพรากเมืองมา อยู่ดงหนาป่าไม้ทุกข์แสบไหม้เจ็บใจ ทุกข์อันใดมีพันเล่าเจ็บแสนเท่าพลัดเมือง เกิดคำเคืองใจข้าคือบ่เห็นหน้าลูกกำพร้าสงสาร ทุกข์สองประการนี้เจ็บปวดยวดยิ่งถนัดใจ อิทํ ทุกข์อันนี้นาไผบ่ฮู้คือว่า ทานบ่สู้ปากต้านจารจาบ่ขานมาจักสิ่ง ตโต ทุกข์ยิ่งแควนถนัดใจกว่าพลัดเมืองแลไพรฟ้า กว่าบ่เห็นหน้าลูกกำพร้าสองศรีพระธรณีเอย สั่งมาให้ลำบากสาภาวะอันท้าวบ่ปากจักความ ทุกข์หนักในแห่งช้ำใจลวดความตีงตาย อคฺคีทีฆํ ดุจจะดั่งชายหนึ่งใส่ไฟวู่ไหม้ตนตาย ท่านพลอยมาไต้ไฟลนฮ้อยเล่าเจ็บแสนเท่าหัวที ทุกข์หนักบ่มีโทษเปรียบข้าโสดเสมอตาย ตารปติโป เชนฺติ วิย ดุจจะดั่งชายหนึ่งกลิ้งตกแต่ปลายตาล ก็เป็นแสนอนตายใจจักขาดดีหลี ชายหนึ่งเล่ามีใจกริ้วโกรธถือวิโหดตีตาย แลนา สา เรว กปฺปติ วิชนฺโต วิย อุปมามีหลายเล่าทุกข์ข้าเท่าธรณี ใจบ่ได้คึดท่านเอาปืนพิษแทงซ้ำเล่าเจ็บแสนเท่าทุก ๆ อัน ข้าคณิงพันเาลูกแก้วเก่าแม่บ่เห็นมา ชาลีคือชาลีงามเลิศฟ้า กับทั้งนางหน่อหน้าแม่กัณหา อิทํ วิจี ทุกข์นี้ฮ้อนฮีบเสมอดั่งฟ้าหนีบทับกับดิน อันหนึ่งสองภูมินแม่บ่เห็นหน้าแก้วยอดฟ้าแม่ทั้งสอง อันหนึ่งพระจอมหัวหนุ่มเหง้า ก็บ่จาปากต้านเล่าโลมนางนี้นา สุอสฺสเว ชีวิตข้าจักเสียคืนนี้เที่ยงจริง พระอย่าคณิงค้อย ๆ ว่าข้าน้อยจักเป็นคนท่านเอย ข้าจักทอดตนตาย คันฮุ่งสายฟ้าส่องแจ้ง ท่านหากจักเห็นข้าท่าวเป็นผี อถ มหาสตฺโต เมื่อนั้น มหาสัตว์เจ้าฮู้ว่านางโศกเศร้าโสกา ดอมบุตตาทั้งคู่ กับทั้งไท้ท้าวผู้จินดาเถิงขนาด ว่ากูจักกำนาบนางแก้ว ราชชายาให้นางหายโศกเศร้าแสนส่ำนางเมือง พระบุญเฮืองจิงสวดทียวยคาถาว่า ดูราเจ้าสีสืบสร้อย อรม้อยเพิงแพง สีสันแดงเฮืองฮอดดูยิ่งยอดสีพราว ลูกสาวสีพระยามัทราช ยอดพิราชเฮืองฮวย
กัณฑ์ย่อยที่ ๓
เนื้อเรื่อง
กัณฑ์ย่อยที่ ๔
เนื้อเรื่อง
สา วิจารนฺตี เจ้ามัทรีสีสะแย้ม สองพวงแก้วเปรียบดังผิวคำสองตาดำดูปอดแขนศอกส่วยอกไข พื้นมือใสสะส่อนเนื้อเกลี้ยงอ่อนผิวนวล ๆ ลักษณะดีควรคาดเป็นลูกท้าวมัทราชราชา นางก็ตะเดินหาสองสีวัย ก็บ่ได้ ฮ้องฮำไฮ้อยู่วีวอนว่าปุพฺพิตฺตา พระเวสสันดรเอยเจ้าข่อย ข้าน้อยหากตนเดียว ขนขวายเขียวป่าไม้ฮ้องฮำไฮ้จมไปหา สองโสภาพรากแม่ ว่ารุกฺขามุลฺเล ทุกแง่เงื้อมเฟื้อหนามทุกอารามฮ้มไม้ ทุกแหล่ไหล่แลหนใด แปวปากถ้ำเยียวว่าแก้วบุตรตาแม่นี้ ตายตกลงน้ำแม่ก็ค่อยลงงม เยียวว่าแก้วบุตรตาแม่นี้ ตายตกลงตมแม่ก็ค่อยลงงมแลย้ำคั้น ย่านเหยียบแก้วแม่ก็ค่อยคำไป แม่ก็ค่อยคำมา ก็บ่พบ สองสายใจชักแห่งลักษณะพ้นแพ่งพอตาแก้ว ปพฺพา เอยจอมราชเที่ยงว่าเจ้าจักซิมามรณาตแล้ววันนี้ บ่สงสัย พระขุนไทเอย เจ้าฟ้า ข้าน้อยคอยกุณาเมื่อกำพร้า เมื่อเป็นทุกข์ดอมกันก็ข้าเยอ ว่า อิติมทฺที อันว่านางแก้วราชราชมัทรี สีสะอาดหน้าช่อยชาติเสมอคำ สองตาดำดูปอดแขนสอกส่วยอกไข พื้นมือใสสะส่อน เนื้อเกลี้ยงอ่อนผิวนวลๆ คันนวลใบหน้านวลทาแป้งป่น คันนวลป่นแป้งแปลงแล้วผัดแห่งนวล ลักษณะดีควรคาดคิ้วกลมลวดตีนผมก็เพราะว่า คอนางกลมเป็นป้อง แม้นว่านางกูพี่นี้บ่มาเอ้สะย่อง แม้นว่านางกูพี่นี้บ่มาเอ้สะย่องก็ค่องคือสาว ก็เพราะว่าหน้าตาพราวสมสะอาดใจชายขาดดิ้นดั้นตายลืมแลงงาย บ่ยากข้าวคันว่ากูพี่นี้เห็นฮูปเจ้า ก็หากเหล่าหันใจมาเป็นสีม่ายๆ เมื่อว่านางกูพี่นี้ เสี่ยงตาไปเบิ่งเบื้องข้างขวา ตาชายมัวย่อมกระด้างเมื่อว่านางมัทรีกูพี่นี่ เสี่ยงตามาเบิ่งเบื้องทางกล้ำซ้ายตาผู้ชายค้างกระด้างเหล่าลืมหนี ก็เพราะว่าช่างมาอยากได้น้องมัทรีเอย มาเป็นสี หนุ่มน้อยคิดเคลียดค้อยมาละหน่ายเมียตน นางมงคลยัวละหยาดเป็นลูกท้าวมัทราชมิ่งเมือง ประดับเฮืองเครื่องย่องเกล้าใส่ช่อง ชักแย้มก็เพราะว่าดอกไม้แซ่มแต่คันเกล้าหอมห้วงเฮ้า แล้วห่วงวอนใจเมื่อว่านางกูพี่นี่ไกวแขนไปเอื้องเขื้อ เอื้องเขื้อสิ่งเบิ่งเอื้องเขื้อสิ่งเหล่าเกลี้ยงกลมอ่อนอ้วน กินนะรีฟ้อนแล้วอ่อนลือปานน้อยมียศศักดิ์สมภารเป็นเจ้าช้าง ฝูงไพรอ้างอาจใจจงพระบาท ปคฺคณฺหา นางก็แลแง้มทัด อยู่เรไรแข็งขึงนางก็ไห้สะอื้นเจ้านี้ทอดตนตาย ถ่าวล้มหงายตายตะแบ่น ตะแบ่นเหนือแผ่นพื้นๆ แผ่นธรณีเพราะว่าหาสองสีในคีรีก็บ่ได้ นางนาทไท้ แม่ฮนตาย ถ่าวล้มหงายตายตะแบ่น ตะแบ่นตายต่อหน้า พระเจ้าฟ้าผ่อหลิงดูมีแล อถ มหาสตฺโต เมื่อนั้น บั้นพระรัสสี ว่ามัทรีกูพี่นี้ตายแล้ว อันชะลือ ท้าวก็ไฮ้ฮำไฮไปมาว่าที่นี้สังสิมาเป็นเจ้า กลางป่าสังสิเป็นป่าช้า ศาลาแล้วก็พี่ นา น้องมัทรีเอย บ่ควรว่าเจ้าจักตายบัดนี้เจ้าแม่สังสิมาตาย ในกลางดงดอนด้านด้าว เหตุดังลือ สจฺเจ ผิวาเจ้ามัทรีจักตายเจ้าจงคืนเมียตาย อยู่ในเมืองแก้วราช เมืองแก้วด้านประเชไชตุดตะระนคร ประวอระเดียระดาด กูพี่นี้จักตัดปราสาทตั้งเชิงรักษากอน ประวอระพิจิตริจจานา แลกูพี่นี้จักตีโลกคำมาใส่เจ้า สัพพะฮูปต่างๆ นานา บ่ฮู้กี่ฮ้อยฮูปริจจานา แล้วมีต้นว่าฮูปราชสีจัมมะลีมอมมายเห็นอ้มเต้น ๆ แล้วไต่ ๆ ไต่ เต้นๆ แล้วก่ายปีนเคียลาย มังกรเหลือหลายหลาก จักกะพราก แลหงษาฮูปคุฑชราชเหาะเหินบินแอ่น นกเขียนแลยุงเยือง มีทั้งฮูปนกหัสดีเนือง กอระวีก นกแขกเต้าปีกสีเขียวสี กินนะรีกินนะลอนมังกรกว้างตื่นฟ้อน ปลาตื่นบ้อนแล้วมาชมกันมีเหลือหลาย พลันแสนพรากแต้มฮูปนาก แลนาคี ฮูปหัถถีแลช้างม้าสะพังหน้าหมู่เสือสิงห์ สพฺพ ฮูป อิตฺถี ผู้หญิงอันงามมาอยู่แง้ม ๆ บัดว่าชายจูบแก้มสีแง้มๆ แง้มแล้วตาวเชยชม สมสีเอย มีพลันมา สีนางก็บ่เศร้ามาใส่เจ้าแม่จอมใจ มีทั้งฮูปเมฆไหลเดียระดาษเคลือวัลย์มาก อยู่เนืองนอง จวงจันทร์หอมมาใส่เจ้า หอมทั่วเท่าป่าเชไชตุริยะนนตรี มีหลายแสนสิ่งก็จักเกิดมี แก่เจ้าจอมมิ่งเมียขวัญเหตุดังลือ เจ้าแม่นี้มาตายอยู่ในกลางดงดอนป่าไม้ ประกูพี่นี้ไว้ตนเดียวในไพรเขียวถ้ำเถือน หาผู้มาเพียรผ่อพร้อมแล้วเพียรพอสองกูพี่นี้จักปอง เอาใส่โลงสิ่งใด นี้จังได้จักว่าแม่นคนใด จังสิมาซ่อยกูพี่นี่ผ่าไม้ ให้มันแตกเป็นหลัว ว่าโอน้อ จักว่าแม่นคนใด จังสิมาชูหัวแม่มัทรีกำพร้าคนใดเดน้อ จังสิมาตักน้ำล้างหน้าเจ้าแม่อุดม จักว่าแม่นคนใด จั่งสิมาตักน้ำล้างหน้าเจ้าแม่จอมนาง กูพี่นี่ก็บ่ฮ้างว่าจักวางเจ้าไว้เหนือกระดานดินดูเป่า โอ้ยกูพี่นี่ก็ท่อจักก้มหน้าให้เอาหัวเข่าเช็ดน้ำตาเหตุดังลือ จักให้หานางใดเด้นางแค้นคัก พระหากพลิกอกยกพระพัตรหากพ้นแฮงแล้ว ว่าดังลือ นางแก้วพี่นี่ มาม้อยระมิ่งคันมิ่งม้อย ๆ ม้อยมิ่งมรณาตายก็พี่เด้ ตั้งแฮกแต่นี้เมื่อหน้ากูพี่นี่ ก็จักเป็นกำพร้าฮ้างหม้ายอยู่ตายตอม กูพี่จักผอมเหลืองแหล่แดดไหม้เพราะว่า หาลูกไม้มาฉันคันกูพี่นี่คิดคณิงเถิงนางน้อยนาท ใจพี่ขาดตายตอมเพราะว่าแม่จอมใจเจียรจากกำพร้าพรากไปไกล เมื่อใดพระยาบรมสีสนซัยนำลีพล มะหลลาโยธามาเอาฮาพี่น้องเมียสู่ห้องเมืองแก้วประเชไชชาวประไวเมืองมิ่ง คันแม้นฝูงพี่น้องเขาก็จิงถามหา ฝูงหมู่ลุงอาวอาก็จิงมาถามหาฮอด ว่าอีนางยอดแก้วซิเมียนำก็บ่ได้ ว่าดังลือ กูพี่นี่ก็ท่อจักซิก้มหน้าไห้ พอคราวแล้วกล่าวว่าอีนางตาย เจ้าสั่งสิมาตายค้างกลางดงนะพงป่ามัทรีเอย ป๋ากูพี่นี่ไว้ เป็นกำพร้าสินอนแล้งคู่บ่มี ตั้งแต่กี้พี่ยังเหลียวเห็นหน้าภรรยาลูกน้อยอ่อน บัดนี้เห็นตั้งแต่บอนเจ้านี่พาลูกน้อย ฮ้อยดอกไม้ตามไต้ตลิ่งสา นางมาตายเสียถิ่มคำเดียวบ่ได้สั่ง ตายบ่ทันได้สาส่วยล้างทาขมิ้นกลิ่นหอม ตายบ่ผอมโซไข้ ผู้ใด๋นอสิฮู้ฮ่อบ หลือแม้นไข้สะบั้นในหั่นส่องบ่เห็น หลือแม้นผีสางเชื้อสันใด๋มาเฮ็ดบาปพระนางบ่หลือแม้นถูกพิษง้วนเมามั่วเจ้าเบื่อสาร พี่ก็เหลียวเห็นน้องนอนดินเจ้าหมองหม่นมัทรีเอย จักว่าเสื้อห่อผ้าสินอนค้างว่าแค่ดิน เจ้าส่างสิมาตายสะหล่องหงอสะหล่องหง่อง เอาหัวฮ่องไม้แป้นป่อง ๆ ส่างสิมาตายสะล่องหงอสะล่องหง่อง เอาตีนต้องแม่กันได ค้นแม้นสีวัยแก้ว สิไลสองเสียพที่สันนั้น ส่างบ่ไขปากเว้าคำมั่นต่อพี่ชาย เจ้าส่างสิละพี่ไว้ในเล่าแกมหมู่กวาง สาบ่ส่างสิป๋าพี่ไว้ ในดงแกมหมู่ค้างชะนีบ่ ส่างสิพรากพี่ไว้ไพกว้างอยู่ผู้เดียว พี่ก็เหลียวไปไต้ไปเหนือเห็นแต่ป่ามัทรีเอย มีแต่ฮ้องฮำไฮ้ กันหาน้องอยู่บ่วาย คันนางตายไปแล้ว กกมิงไผสิแทนมัทรีเอย คันนางตายไปแล้ว กกแนนไผสิเฝ้าศาลาเฮาไผสิอยู่ ไผสิเป็นผู้เว้านำอ้ายเมื่อค่ำแลง เจ้าผู้แพงสีสร้อยางพลอยสิตายจากสาบ่ สั่งสิพรากพี่ไว้ไพกว้างอยู่ผู้เดียว ในไพเขียวก็บ่มีคนใช้ ไผซิมาตัดไม้รักษากลอนมาทอนฝุ่น ไผสิมาอุ่นน้ำสีล่างเจ้าเหงือใคร ไผสิมาโจมหล้ามัทรีนางแม่ลุกนั่ง ไผสิอุ้มอ่วยเจ้า ดอยให้เจ้าแม่นทาง ไผสิยอนางเข้าหามไปแม้นปงป่าหาผู้มาป่าไม้สิเผ่าเจ้าก็บ่มี คันสิฝังเสียหลือบ่มีเสียมสิขุดก่น ว่าสิเผาแจ่มเจ้าไฟไหม้ย้านบ่เห็น จักแม้นเวรสังน้องสิมาตายอยู่กลางเล่า คันเมื่อตายอยู่ในเมืองปู่เจ้ายังสิได้เสบงันดอกเด้หล้า จักสิได้พรากันสร้างพระเมรุหลวงเผาคาบ อันนี้นานางมาตายอยู่ในฮ่อมห้วยไผสิเหมี่ยนกระดูกนาง ไผสิมาเอาน้ำ สุคนธามาล้างส่วยแม้นไผน้อจังสิมาบ่มกล้วยตีบน้อยเวรข้าวแจกหา นางมัทรีตายหย่อนเจ็บย่อนไข้ ยังสิได้แต่งดอกคายปัวมัทรีเอย ตายย่อนเจ้าปวดหัว พี่ก็ยังสิได้บีบค้น พี่ก็หันใจสั่นนำนางสั่งบ่อ่วย คันแม้ตายย่อนป่วยพี่ก็บ่ปานใด๋ อันนี้นางมาตายย้อนพี่นี่ให้ สองกุมารน้อยทานไปบ่ได้บอกมัทรีเอย พี่ก็คำเบิ่งเนื้อก็ยังอุ่นคามือ คือดังยังเป็นคนสิตื่นมาจาเว้า สีสันนางก็บ่เศร้าผิวพรรณบ่เหลืองหล้า สีสันวรรณะยังบ่เหลืองล้าเศร้าซงคือเจ้าดังบ่ตาย นางมัทรีตายสะเดิดไปฮอดป่องเถน บ่เห็นแนนนำฮ้อยให้คืนมาเจ้าสาก่อน นางมัทรีตายสะเดิดไปฮอดป่องฟ้าคันบ่เห็นหน้าอ้ายให้โงโค้งแม้นตาวคืน นางมัทรีตายโลดบ่มีผู้ใดให้ มาเอาเสียงจักจั่น ตายบ่ทันได้สาส่วยล้างไผสิให้กล่อมกระโลง นี่เป็นดงดอนไม้ บ่สมควรดอกพี่ว่า ๆ มัทรีเอย ฮีบมาเมือสืบสร้างนครกว้างแห่งฮานี่ท่อน ขอให้สายสมรหล่า ให้คืนมาเจ้าสาก่อน ให้นางคืนมาเลี้ยงกัณหาชาลีให้มันใหญ่ก่อนเด้อ ให้มันใหญ่ท่อลุงให้มันสูงท่อป้า มัทรีหล่าจึงค่อยตาย ๆ สายสมรแหล่หล้า
กัณฑ์ย่อยที่ ๕
เนื้อเรื่อง
ปะกูพี่นี่ไว้เป็นกำพร้านอนแล้งอยู่ลุ้นหลังบาปนอ ว่า อุปฺปาชเย ในเมื่อโศกทุกข์ตอนได๋ เจ้าก็บ่ฮู้จักสมอันดี ว่าตนเป็นชีเป็นรัสสีนักบวช ลวดว่ามัทรีกูนี่ ตายแล้วชะลือ หลือฮู้ว่ายังจักเป็นคนนี้จา อุฏฺฐาย ท้าวลุกแล้วลูบยังอกนางพระยาด้วยมือก้ำขวาพระบาท สตฺตมา แต่ท้าวมาบวชสร้างผนวชหนีเสียเฮือน ได้ 7 เดือนมาอยู่ในเถื่อนถ่อง ท้าวบ่หอน ได้เตาะต่อยต้อง เตาะต่อยต้อง คันเตาะต่อยต้อง ๆ ต่อยตนนางมาแต่ก่อน ทุกข์ยากหม่นหมองใจท้าวก็บ่แคล้ว กดหมายว่าตนเป็นชี เป็นรัสสีน้ำตาแห่งหน่อไท้ทั้งสอง ตกเนืองนองไหลหลั่งย้อย หน้าถั่งหลั่งไหลหลั่งลงมา ท้าวก็ยอ เอาหัวนางพระยาแก่นไท้มาพาดไว้เหนือตัก ท้าวจิงฮู้จักสัญญาว่าชาติที่คนตายนี่ คิงมันก็หากเย็นชาติที่คนเป็นนี่คีงมัน ก็หากอุ่นท้าวก็ยังหมกหมุ่นต้อง แต่พระภูมีท้าวจิงทวยเอาน้ำเต้าแหล่คันที อันเป็นเครื่องรัสสี หดลงสะสู่ คันสะสู่แล้วนางแก้วมุ่งใจดีแล้ว นางแก้วก็จิงก้มกราบไหว้บาทาด้วยสภาวะ อันนางบ่ละอายก็ถวายแก่พระบาทไทธิราชกษัตตาว่า สามี ข้าแต่พระเวชสันดรเอย เจืองเจ้า อันว่าสองลูกเต้าหน่อสงสาร หนีไปในสถานที่ใดก็ข้าจา อถ เมื่อนั้นมหาสัตเจ้ากล่าวเที่ยงแท้เท่าคำมี ว่าดูราแก้วมัทรีเอย สีสายใจจอมสวาท อันว่าสองเจ้านาทราชกุมาร พี่ก็ให้เป็นทานแก่พราหมณ์ผู้หนึ่งแล้ว บ่ทนนางน้องแก้วได้มาอุ้มจูบแลเชยชม บ่ทันนางได้มาให้กินนม คิ่งขาวๆ กลมๆ ให้กินนมน้าวชังสั่ง ชังเดนอบ่ทันนางได้มาอุ้มนั่งเหนือตัก พราหมณ์เชยชักเดินป่าไม้สองแก่นไท้โปรดคืนมาก็ข้า นา ตมตฺถํ ภิกฺขเว ดูราอริยสงฆ์ทรงศีลใสเสมอแวนแล้ว จักฮำเพิงเถิงนางแก้วแก่นไท้กษัตตี คือว่าเจ้ามัทรีสีสะอาด คิ้วค้อมลวดตีนผม ยอมือประนมนาท สะพาดพร้อมพลันแดง ตั้งแต่นางไปป่าเดินหาสองสีตนลูก ทุกข์ถืกต้องหน่อตนนาง วางตนตายอาดหลาด หมวยเกล้าลวดตีนผม ก็เพราะว่าอารมณ์ฮักสองสายสวาทลูกแก้ว ราชสองสีแต่ราตรีเถิงฮุ่งพระสุริยพุ่งใสแสง อกนางแดงคือเลือด ทุกข์ถูกต้อง แท้ดีหลี ด้วยอันถามหาสองสีหน่อหน้า คันในท่าน้ำแม่ก็ไปหาแต่จอมผาแม่ก็แล่น ก็บ่จวบแก้วแก่นไท้อ่อนโฮยแฮง แสนทางเที่ยวแง่กว้างเดินแต่ทางดงไพร นางก็ไปหาสองสายใจก็บ่ได้ นางแหบให้คืนมาสู่ศาลากุแก้ว คันฮอดแล้ว ถามหาสองบุตตาลูกน้อยนางก็ค่อย หย่อนประนมมือไหว้พระยอดสร้อยตนผัวตีนมือสั่นนางท้าวปั่นเป็นผี พระเวสสันตรรัสสี ก็จิงถวยเอาน้ำเต้าคัณที มาด้วยมือก้ำขวาเฮ็วฮีบ ท้าวก็มาหลั่งน้ำหดลง สระสรงนางนาทก็จิงฮูบสวาทสมดี พระรัสสียอดฟ้า จิงจักถามถึงเจ้าจอมสีด้วยคำดีคำงามดังนี้ ว่า ดูราแก้วมัทรีเอย อันว่าสองกษัตตาลูกแก้ว พี่ก็ได้ให้แล้วเป็นทาน แก่พราหมณ์ณาจารย์ผู้ถ้อยเฒ่า อันเดินเข้ามาขอนั้น แลนา ทริโท ว่าดูราแก้วมัทรี ยังมีพราหมณ์ผู้หนึ่งทุกข์ฮ้ายแท้ดีหลี ก็บ่มีอันใดจักสิ่ง สิ้นที่ปิ่งดูดายขนขวายมาเลี้ยงปาก เฒ่านั้นก็ลำบากอ่อนโฮยแฮงตะเดินเดียวแสวงมาป่าไม้ เพราะว่าความทุกข์ยากฮ้ายบ่กลัวตาย พายถงสีลายๆ.แลไม้เท้า ลัดเน่งเขาเดินมาสู่ศาลา ฮาพี่น้องแล้วมาขอเอาลูกแก้วทั้งสองแลนา ตัสสา ดูราแก้วมัทรี เอย สีเลิศแล้ว อันว่าสองแก่นแก้วน้อยอ่อนนงคราญพี่ก็ได้ให้แล้วแลกผญาสัพพะยุตตะญาณ เห็นอาจารย์เจ้ากล่าวไว้ พี่หากได้จำนำมา ว่า ปนฺนจตฺตํ วณฺณํ ปาทํ วิริยํ หถฺเถ จ พนฺธนํ ปิติวิทํ พนฺธนํ โลเก สํสาเร น ปมุจฺเจยฺย ดังนี้เป็นเค้า ว่า ดูราแก้วมัทรีเอย ตัณหาอันฮักลูกนี้เป็นดังเชือกเหล็กมาผูกคอมัทรีเอย ตัณหาฮักเมียนี้เป็นดังเชือกปอมาผูกศอก อันว่าตัณหาฮักข้าวของนี้เป็นดังปอกสุบตีน สามอันนี้มันมาขีนเป็นเชือกให้กลิ้งเกลือกในวัฎฎะสงสาร เหตุดังนั้นสองนงคราญพี่ก็บ่ไว้ ก็จิงได้ให้เป็นทานแก่พราหมณ์ณาจารทายาทชาติชรา สายํ ตั้งแต่วันวานนี้แล้ว บ่ทันนางน้องแก้วได้มาอุ้มจูบแลเชยชม บ่ทันนางได้มาให้กินนมคีงขาวๆกลมๆ ให้กินนมน้าวชังสั่ง ชังเดนอบ่ทันนางได้มาอุ้มนั่งเหนือตัก พราหมณ์เชยชักเจียระจากสองเจ้าพาคอยากกินนมก็ ข้า นา แม่อย่าอารมณ์ หาลูกแก้วแม่จงหาย โศกแล้วแต่สองขาเจ้าพี่น้อง จงมาหายใจชมชื่นยินดีแม่เอย มํ ปสฺสฺ ดูราแก้วนงเยาว์แม่อย่าได้ จงใจถี่ แม่จงเห็นแก่กูพี่ผู้ใจบริสุทธิ์ อันจักเป็นพุทธาในโลกยกสัตว์ ให้พ้นจากโอฆะสงสาร แม่อยากได้เห็นแก่สองกุมารลูกแก้ว อันให้ทานแล้วแลกผญาสัพพัญญู แม่อย่ามีใจอุสสูค้างคำแม่ก็ อย่าได้ฮ้องให้ฮ่ำเฮหา สองกุมารหน่อแก้ว งามเลิศแล้วดวงดีก็พี่เทิ่น ลจฺฉาม ดูราแก้วมัทรี สีใสส่องตราบใดฮาพี่น้องอันบ่ได้ต้องพระยาที่กังวล ยังเป็นคนยืนยิ่งบ่ ม้อยมิ่งมรณา ลจฺฉาม ฮาก็จักได้พบลูกแก้วอันพลัดพรากแล้วไปไกลว่าแลนา ๆ ปุตฺเต ดูราแก้วมัทรีสีสายสวาทอันว่านักปราศเจ้า สพฺปุริสา ทิสฺวา มียาจกเข้ามาสู่เถิง ที่อยู่ขอทาน ทชฺชา ก็เพิงยกยอให้ด้วยง่ายสิ่งสิ้นจ่ายเป็นทาน ปุตฺเต คือว่าลูกสงสารบ่ไว้ กับทั้งเมีย แก้วแก่นไท้ชายา หมู่ทาสาเดียระดาด ช้างม้า มาเกวียนไกวอาชะในกล้าแก้วเครื่องผ่านแผ้วศัตรู หมู่ฮูบงามล้ำเลิศช้างแก้วเกิดตัวหาร ทั้งข้าวสารแลข้าวเปลือง กับทั้งสวนเผือกแลเงินทองกองแก้ว พายเพิดแล้วประเสริฐ กระแจจันทร์อันมีในเฮือนหลวงแหล่งไหล่ ทานํ ทตฺวา เพิงจะเขาะขอดให้เป็นทาน ฝูงใจหาญจิงได้ยาจกให้เชยชม ทุกเมื่อก็พี่นา อานุโมทนา อานุโมทนาน้อมก่องบุญนำพี่แน่เด้อ พิมพาเอยเจ้าผู้ยอดท่อฟ้า อดเจ้าจงเปลืองปิ่นหน้ามาพี่ ซอยอนุโมทนา ปุตฺตเก ทานสองฮาเลิศแล้วประเสริฐแก้วอุโดมมาก แลนา มทฺที อาห เจ้ามัทรีสีอาค่าวไหว้ท้าวกล่าวอนุโมทนา ว่าดังนี้ อนุโมทนามิ บุพฺพิตา เจ้าข้อยส่วนดังข้าน้อยก็ อนุโมทนา ปุตฺเต อันว่าสองบุตตาลูกเต้าทานพระบาทเจ้าอุโดมยิ่งแล ทตฺวา เจ้าผารมแต่งให้จิตทานไท้อย่ามัวแด่เน้อ พิโย อย่ากลัวเกล้าหยุดหย่อนให้แถมผ่อนเหลือหลาย โย บุพฺพิตา อยู่เกล้าพระหน่อเหน่าตนใด๋อันมีใจจำจอดฮู้แจ้งยอดโกศล ตัดคำกังวนถะหนี่ ข้ามพ้นที่ รมสฺเสลาทาม มนุสฺเสนฺสุงฺ นำคนทั้งมวลหลายหมู่ฝูงข้องอยู่ในตัณหา คือว่ามีจิตจมเจต บ่ฮู้เหตุสงสารพระภูบานท้าวพ่อ ใจแจ้งต่อทำทาน ปุตฺเต คือว่าให้ลูกแก้วทั้งคู่เป็นทานแก่พราหมณ์ผู้แสวงขอ สิวินํ ท่านก็เสวยเมืองถ้วนถี่ ว่าจำเริญสีสวัสดี แก่ชาวสีพีแลพลไพร่ เพราะว่าตั้งไว้ไต้ทำทานนั้น แล นา เอวํ ปุตฺเต ในเมื่อนั้นนางหากกล่าวแลมี ดังนั้น มหาสตฺโต พระรัสสีเจ้าก็กล่าวว่า ดูราแก้วมัทรีมาไขข่าวนางแก้วกล่าวสันใด๋ เสฺจ อภวิสฺสติ ผีแลบ่มีใจใสค่อย ๆ พลอยมาให้สองลูกน้อยอุโดม ยังคิดความถะหนี่ อิมานิ อันว่าอัศจรรย์ทั้งมวลแผ่นดินผวน แผ่ฮ้องฟ้าปันฮ้อง คีคลื่นไปมา อนุโมทนา แลจักมี นนฺจา ตโต อาห นางพระยาก็สาธุการยกยอทานให้แล้ว นางหน่อแก้วก็อวยหน้าอนุโมทนา ด้วยคาถานี้ว่า ทินฺนา ธีตา ข้าแต่พระภูบานเอย แผ่นดินดานไหวหวั่นคีคลื่นปั้นทม ๆ ระงมเสียงเมฆก้องขำเขือกฮ้องเถิงพรหม สมนฺตา เฮืองฮวยสายฟ้าฟาดก้องอากาศเป็นควัน ทิสฺสา นั้นมีก้องเสียเมฆฮ้องดังอยู่ เคง ๆ ตสฺส เต อันว่าเทพดาทั้งหลายสองหมู่ทรงฤทธิ์ทีอยู่ฑีฆา หมู่หนึ่งชื่อว่าเทวดานารอด ตนเฮืองยอดทรงพรต หมู่หนึ่งชื่อว่าปัพพะตาเทวดาสักชาติ มีอำนาจแลเตชา โสภาวิเศษ อยู่น้อมเนตพลี แทบประตูปราสาทเสียงนีนาสฮ้องสาธุการ ชมชื่นทานอันประเสริฐ อันให้ลูกแก้วเกิดกับอกเป็นทาน แลกยังสัพพัญญู นั้นแล สอินฺทา สกฺก พฺราหฺม จนอินทรธิราชพราหมนาท เวทอสัญญี พระยามารมีฤทธิ์ทีเป็นอันมาก เจ้าฟากฟ้าหกสวรรค์ กับทั้งพระจันทร์เฮืองฮุ่งฟ้า แสงส่องหน้าเห็นมากับทั้งพระยายม ตนเฮืองโสภาพ มุ่นท้าวผาบตามธรรม กับทั้งพระยาเวสสุวรรณ ตนอยู่เกล้าไหว้เสียงเทพเท่าสาธุการ เชิญชมทานคอย ๆ แห่งท้าวผู้จะได้ตัดยอดสร้อยสัพพัญญู อันจักเป็นครูแก่โลกนำสัตว์ให้พ้นจากโอฆะสงสาร สัพเพเทวาอันว่าเทวดาทั้งหลายสี่เทพไท้ บายเอาดวงดอกไม้บูชาว่าพระยาเจ้า ตนนี้มีบุญเป็นอันมากให้ทานยากไผแลจักปานนั้น จานอ อิติ มทฺที วโรหา ภิกฺขาเว ดูราสงฆ์ทั้งหลาย ฝูงทรงศีล สมาธิ ปัญญา จักฮำเพิงเถิงนางแก้วแม่ราชมัทรีสีโสภา วราโรหา สมพอตาทุกแห่ง งามพ้นแพงเพิ่งฮักคนสมัคเห็นหน้า ทุกข์ท่อฟ้าก็หาย เห็นสมสายเอื้อเขื้อ บุญใคร่เนื้อนอนแพงอดแลงงาย มุนแมบฮ้างข้าวแสบแสนวัน คันหลิงเห็นสมเจ้า แม้นอยากข้าวก็หาย ชายดิ้นตายใคร่ได้ ลูบอกให้ฮำเฮฮนซ่างมาหน่ายเมียตนคอย ๆ ใจบ่ห้อยอาลัย เพราะว่าจงใจใคร่อยากได้นางนาทมัทรี กษัตตรีอาคาวราชบุตตรี นางเป็นลูกสาวสีพระยาบุญเฮืองมัทราช อนุโมทนานางก็ชมทานเนืองบ่ขาดด้วยพระราชผัวขวัญ ยอมือพลันขึ้นใส่เกล้าไหว้พระบาทเจ้าจิงทูลศาล ว่า สุทินฺนํ วต เม ทานํ อันว่าทานนั้นโสด อันท้าวผู้สร้อยโสดใจแจ้งโสตนิรพาน แลบันดาลด้วยชอบใจประกอบด้วยสัทธามีในการะทั้งสาม คือ บุพฺพเจตนา มุตฺพเจตนา อปรภคเจตนา บุพพะเจตนานั้นจิตให้เถิงยามแต่งมุตฺพเจตนานั้นให้พ้นแพงมือไป อปรภคเจตนา นั้นให้มีใจใส่เจ้าทานเล่า ด้วยหมื่นเท่าแลแสนที อยู่ยินดีคอย ๆ ใจเจตห้อยเถิงทาน บุตฺตเจ อันให้สองกุมารลูกแก้วเป็นทานแล้ว ว่าอุดม อิติ อิมินา วุตฺตปากาเลน ด้วยประการดังกล่าวมานี้ แลนา มทฺทีปพฺพํ อันประดับประดาไปด้วยคาถาเก้าสิบพระคาถา นิฏฺฐิตํ ก็ เสด็จบรบวนควรเท่านี้แล