กัณฑ์ที่ ๑๓ นครกัณฑ์ ๔๘ พระคาถา
17 มิถุนายน 2021
กัณฑ์ที่ ๐๒ หิมพานต์ ๑๓๔ พระคาถา
17 มิถุนายน 2021

 กัณฑ์ที่ ๔ วนปเวสน์  ๕๗ พระคาถาUntitled-04

 

 

พระอาจารย์บำรุง จันทร์เชื้อ

พระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส

----------------------------------

                    เต   ปฏิปเถ   อาคจฺฉนฺเต   มนุสฺเส   ทิสฺวา   กุหึ   วงฺกตปพฺพโตติ   ปุจฺฉนฺติ ฯ   มนุสฺสา ทูเรติ   วทนฺติ ฯ

                    เตน   วุตฺตํ

                        ยทิ   เกจิ   มนุชา   เอนฺติ          อนุมคฺเค   ปฏีปเถ

                        มคฺคนฺเต   ปฏิปุจฺฉาม                 กุหึ   วงฺกตปพฺพโตติ

                        เต   ตตฺถ   อเมฺห   ปสฺสิตฺวา      กลูนํ   ปริเทวยุ ํ            

                        ทุกฺขนฺเต   ปฏิเวเทนฺติ                ทูเร   วงฺกตปพฺพโตติ ฯ

                    (1) ขึ้น เต ขตฺติยา อันว่ากษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ คือสมเด็จพระบรมขัตติยพงศ์พิชิตโมลีศรีสุริยวเรศเวสสันดร ปางเมื่อเสด็จนิราศพระนครดูอนาถ ทรงอุ้มพระชาลีแล้วลีลาศไปโดยมรรคมรรคา ส่วนสมเด็จพระยอดกัญญาเยาวมาลย์มาศมัทรี พระกรก็โอบอุ้มนางแก้วกนิษฐนารีราชธิดา สี่กษัตริย์เสด็จลีลาล่วงลำเนาพนัสพนาเวศ มิเคยเสวยทุเรศแรมร้างพระพารา มนุสฺเส ทิสฺวา ท้าวเธอก็ทอดทฤษฎี โดยลำดับสถลวิถีแถวเถื่อนทุเรศประเทศทางหลวง เห็นนรานิกรทั้งปวงเดินดั้นดัดพนัสแดนดงมาตรงพระพักตร์ จึงมีสุนทรราโชวาทประภาษทักถามตามยุบลเหตุ วงฺกตปพฺพโต อันว่าขุนเขาศิขเรศคิริยวงกต ท่านยังรู้แน่กำหนดอยู่ทางใด มรรคานั้นยังใกล้ไกลจงแจ้งอรรถ ฝูงชนจึ่งทูลแด่บรมกษัตริย์สีวิราชวงศ์ว่าหนทางที่จะดั้นดงไปวงกต ทูเร ถ้าจะกำหนดระยะไพรยังไกลกันดารนัก ขอพระจอมจักรจงทราบพระญาณ ในกาลบัดนี้เถิด

                        ยทิ   ปสฺสนฺติ   ปวเน                  พหุมํสํ   สุโรทกนฺติ

                    (2) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวร สมเด็จพระเวสสันดรอดุลดวงกษัตริย์ขัตติยราชวงศ์ ทั้งเอกองค์อัครนารีมัทรีศรีสุนทรเทพกัญญา กับสองดรุณราชกุมาราร่วมชีวาตม์ สี่กษัตริย์เสด็จยุรยาตรเมื่อยามไร้ มิควรที่ท้าวเธอจะตกเข็ญใจจำจาก พรากพลัดพระขัตติยราชวงศ์ มาเสด็จในพนัสแดนดงดูอนาถนักน่าเวทนา ขึ้น เต ทารกา ควรที่จะสงสารด้วยสองเยาวยุพาพาลผู้เพื่อนยาก เจ้าไม่เคยเสวยทุกข์ลำบากมาบุกไพร น้ำพระอัสสุชลนัยน์ไหลนองพระเนตร ทรงพระโศกาดูรเทวศบ่วายครวญ สมเด็จพระบิดาก็ชี้ชวนให้เชยชมพนมพนัสแนวไม้ หวังจะให้ค่อยบรรเทาพระทัยที่ทุกข์ถึงพระนคร เต ทุเม ทิสฺวา สองเยาวราชได้เห็นก็หายอาวรณ์วายเทวศ พระพี่น้องก็ชวนกันทอดพระเนตรนานาพรรณหมู่ไม้ บ้างผลิดอกออกใบแบ่งบังผกามาศ บางทรงผลดกดาษดูตระการตา ที่สุกห่ามงามย้อยระย้าเห็นน่าชม ควรจะสารภิรมย์ระเริงราชหฤทัย อุปโรเทนฺติ สองดรุณดนัยก็ทรงพระกรรแสงสะอื้นอ้อนวอนทูลพระบิตุเรศ ว่าข้าแต่พระจอมปิ่นปกเกศของลูกเอ๋ย ลูกนี้จะใคร่ชมเชยผลรุกขชาติ ที่งามๆ ประหลาดต่างๆ กัน พระคุณของลูกเอ่ย จงทรงปลิดป้อนปันให้แก้วกัณหา จงเด็ดพวงผลพฤกษาให้ชาลี เดิน ด้วยเดชะพระสมติงสบารมีปรมรรถมิ่งโมลีโลกอุดร แห่งสมเด็จบรมหน่อเนื้อเชื้อชินวรวิสุทธิวงศ์ ก็บันดาลรุกขชาติให้น้อมกิ่งลงพอถึงพระหัตถ์ สมเด็จบรมกษัตริย์ก็ทรงเลือกผลพฤกษาที่สุกงอมหอมตระการ เก็บพระราชทานให้สองดรุณหน่อนเรศ ส่วนสมเด็จพระมัทรีได้ทอดพระเนตรเห็นมหัศจรรย์ โลมชาติก็มาชูชันหวั่นๆ พระเกศ ทูลสรรเสริญพระกฤษฎาภินิหารมหิศวเรศราชสามี แล้วสี่กษัตริย์เสด็จจรลีล่วงมรรคาลัยลีลาศ แต่จากพระนครสีวิราฐเวลาเช้า พอบรรลุถึงเขาสุวรรณคีรี สิ้นสถลวิถีห้าโยชน์โดยคณนา ก็ลุถึงโกนติมารานทีธาร กำหนดมรรคากันดารได้ห้าโยชน์ ถึงอัญชนาคีรีรัตน์เรืองโรจน์ระยะไพร ประมาณมรรคาลัยก็ห้าโยชน์เท่ากัน จึงถึงบ้านนาลิทัณฑ์ชนบท ก็ห้าโยชน์กำหนดไม่ย่อหย่อน ตั้งแต่นั้นจึงถึงพระนครเจตราฐ กำหนดวิถีสถลมาศได้สิบโยชน์ระยะไพร สงฺขิปึสุ ปถํ ยกฺขา ฝ่ายฝูงเทพไทผู้ทรงมหิทธิศักดา อันสิงสู่อยู่ภูผาพุ่มไม้ทุกตำแหน่งในวนาเวศ ช่วยย่นมรรควิถีทุเรศระหว่างดง ให้ท้าวเธอเสด็จทั้งสี่พระองค์ในวันเดียวมิทันพลบ พอพระสุริยะจะเลี้ยวลบลับเหลี่ยมพระเมรุมาศ ตั้งแต่ยามเสด็จยุรยาตรจากนิเวศน์วัง ตึสโยชนมคฺคํ สิ้นสามสิบโยชน์มรรคากันดาร ก็ลุถึงศาลานอกพระทวารเมืองเจตราฐ ท้าวเธอก็พาพระเยาวมาลย์มาศมัทรี พระกุมารกุมารีเข้าอาศัย ค่อยบรรเทาพระทัยที่ทุกขทรมานมา ขึ้น มทฺที สพฺพงฺคโสภณา ส่วนสมเด็จพระมัทรีผู้ทรงศรีสุนทรลักษณวิลาส สมฺพาหิตฺวา พระนางก็นวดฟั้นพระบาทพระภัสดา แล้วก็เสด็จสถิตอยู่ภายนอกศาลาให้ปรากฏ หวังจะให้ชาวเจตราฐรู้กำหนดว่าบรมหน่อนเรศเวสสันดร เสด็จมาสู่พระนครนี้แล้วแล

ตมตฺถํ   ปกาเสนฺโต   สตฺถา   อาห

เจตโย   ปริกรึสุ   ฯลฯ   วเน   ยตฺถ   วเสมฺหเสติ

                    (3) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิพรหมจรรยา   เจติโย   อันว่าชนชาวพระพาราเจตราฐ ที่เที่ยวสัญจรลีลาศตามวิถี ครั้นเห็นพระมัทรีก็อัศจรรย์ อยํ อยฺยา พระแม่เจ้านี้สิทรงศรีสุพรรณวิลาสเลิศลักษณนารี เออก็เหตุไฉนจึงมาเสด็จจรลีด้วยพระบาทดูมิบังควร ฝูงประชาชนจึงชวนกันแวดล้อมแล้วทูลถาม สมเด็จพระมัทรีก็ตรัสบอกเนื้อความให้ทราบสาส์น ฝูงชนได้ทราบในอาการพระเกศกษัตริย์ ต่างก็ชวนกันโทมนัสพิไรร่ำ ขึ้น ว่าโอ้ชะรอยว่ากรรมมาตามทันพระแม่เจ้า ปุพฺเพ แต่ปางก่อนพระแม่เคยเสด็จเนานิเวศน์วัง จะเสด็จไปแห่งใดก็ดูสะพรั่งสะพรึบพร้อม หมู่พระสนมนี้ก็ห้อมล้อมแลเป็นขนัด ย่อมทรงสุวรรณรัตน์สีวิกามาศราชรถทอง ม่านปิดป้องกำบังองค์ บัดนี้พระแม่มาเดินดงด้วยเบื้องบาทมิควรเป็น ควรแลฤาพระแม่จึงมาขุกแค้นเคืองเข็ญถึงเพียงนี้ เดิน ฝูงชนจึงนำเอาคดีไปทูลเหตุ แก่พระจอมปิ่นปกเกศเจตราช สฏฺฐีสหสฺสา อันว่าบรมบาททั้งหกหมื่นครั้นได้สดับสาส์น ว่าพระจอมภพพสุธาธารเวสสันดร เสด็จนิราศพระนครอนาถา โรทมานา ต่างองค์ทรงพระโศกาแล้วก็ลีลาศ มาสู่สำนักแล้วอภิวาทรำพันทูล ขึ้น ว่า เทว ข้าแต่นเรนทร์สูรสมมติเทเวศร์เกศกษัตริย์ กุสลํ อันว่าสิ่งสรรพพิบัติบ่บีฑา อนามยํ พระร่มเกล้ายังค่อยครองพระพาราเป็นบรมสุข สิ่งสรรพทุกข์บ่ยายี อนึ่งทั้งองค์สมเด็จพระชนนีชนกนาถ ยังค่อยเสวยสุขนิราศโรคันตราย ทั้งประชาชนชาวสีวราฐทั้งหลาย ไม่เดือดร้อน ยังค่อยเป็นสุขสถาวรอยู่หรือพระพุทธเจ้าข้า นุ ดังข้าพระองค์มาสงกากินแหนงในยุบลเหตุ ดังฤาพระจอมปิ่นปกเกศมาเดินไพร นิราศร้างไร้พระพารา ปราศจากจตุรงค์คณานิกรราชรถ ม้ามิ่งมงคลคชที่เคยทรง มาเสด็จดำเนินแต่สี่พระองค์ดูอนาถ กจฺจามิตฺเตหิ ปกโต หรือว่ามีหมู่อรินทรราชมาราวี เสียพระนครสีพีพินาศแล้ว ทูลกระหม่อมแก้วจึงจำจากพรากพลัดพระขัตติยราชวงศ์ มาบุกป่าฝ่าพงพูนเทวศ จนมาถึงนคเรศข้าพระบาทในครั้งนี้ ขอพระองค์จงทรงพระปรานีตรัสประภาษ ที่ท้าวเธอเสด็จบำราศมาแรมดง ให้ข้าพระองค์ทั้งปวงฟัง ในกาลครั้งนี้เถิด

                    (4) เดิน เวสฺสนฺตโร ราชา ส่วนสมเด็จพระเวสสันดรได้ทรงสดับสาส์น จึงมีพระราชบรรหารเฉลยเหตุ ว่าดูกรพระสหายผู้ผ่านนคเรศเจตราฐ เราขอบใจที่ท่านไต่ถามถึงประยูรญาติราชบิตุรงค์ ก็ยังค่อยทรงสุขสถาวร ทั้งประชาชนชาวสีวิราฐไม่เดือดร้อนระงับภัย ซึ่งตัวเรานิราศเวียงไชยมาสู่ป่า กุญฺชรํ ทชฺชํ เพราะว่าเรากอปรด้วยศรัทธามาเสียสละ มาเสียสละพญาเศวตกุญชรพาหนะพระที่นั่งต้น อันเป็นศรีสวัสดิ์มงคลคู่พระนคร แก่พราหมณ์ทิชากรชาวกลิงคราฐ ชาวพระนครเขามิยอมอนุญาตชวนกันโกรธ ยกอธิกรณ์โทษทูลสมเด็จพระบิตุเรศ ท้าวเธอจึงสั่งให้เนรเทศเราเสียจากพระพารา ด้วยว่าเรากระทำผิดจากขัตติยราชจรรยาอย่างบุราณ ขึ้น พระพุทธเจ้าข้า พระองค์เสด็จดำเนินในพนัสกันดารดูลำบาก เป็นกษัตริย์มาตกยากมิควรเคย ขอเชิญเสด็จหยุดพักพอเสวยสุทธาโภชน์ ทุกสิ่งสรรพรสเอมโอชกระยาหาร ให้บรรเทาที่ท้าวเธอทรมานลำบากองค์ เดิน จึงตรัสว่าสิ่งซึ่งท่านจำนงนำมาพระราชทานให้ แก่เราผู้เข็ญใจอันมาถึง เราขอขอบใจที่ท่านยังคำนึงนับว่าญาติ พระคุณนั้นยิ่งกว่าพื้นพสุธาอากาศไม่เทียมเท่า แต่สมเด็จพระบิตุเรศเจ้าทรงพระโกรธ ขับเราผู้ต้องโทษเสียจากพระนคร แล้วตัวเราก็จะรีบบทจรไปวงกต เชิญท่านช่วยแนะแนวตำแหน่งพนัสบรรพตให้เราจร ขึ้น พระพุทธเจ้าข้า พระองค์อย่าได้ทรงอาวรณ์วิตกด้วยความเข็ญ โทษเท่านั้นพิเคราะห์เห็นไม่เป็นไร ข้าพระบาททั้งปวงจะชวนกันไปทูลขอโทษ เห็นว่าท้าวเธอก็จะทรงพระกรุณาโปรดให้คืนครอง จึงจะเชิญเสด็จละอองธุลีพระบาท คืนพระนครสีวิราฐด้วยดิเรกยศ มิให้ท้าวเธออัปยศแก่ชาวเมือง เดิน จึงตรัสว่าประชาชนเขาแค้นเคืองทูลให้เนรเทศ เราจึงนิราศนคเรศมาแรมไพร พระบิดาก็มิได้เป็นใหญ่แต่พระองค์ ย่อมประพฤติโดยจำนงชาวสีวิราฐ ถึงว่าท่านจะไปทูลให้ท้าวเธอทรงอนุญาตให้คืนกรุง ชาวเมืองเขาก็จะหมายมุ่งประทุษฐจิต ในสมเด็จบรมบพิตรผู้ร่มเกล้า เพราะเหตุที่รับเราคืนพระนคร ขึ้น พระพุทธเจ้าข้า เมื่อมิพอพระทัยที่จะเสด็จคืนพระพิชัยเชตุดรก็ตามแต่พระอัธยา จะขอเชิญเสด็จขึ้นผ่านพระพาราเจตราฐ เป็นจอมมิ่งมงกุฎมาตุลนคร เป็นปิ่นปกประชากรเกษมสุข มิให้ท้าวเธอเสด็จไปทนทุกข์ที่กลางดง อันข้าพระบาทจะขอรองบาทบงสุ์บรมกษัตริย์ เดิน ครั้นพระองค์ได้ทรงฟังจึงตรัสประภาษตอบ ว่าซึ่งท่านจะมาหมายมอบเมืองเจตราฐให้แก่เราในครั้งนี้       เราก็มิได้ยินดีที่จะเสวยศิริสมบัติในนคร ด้วยว่าชาว

เชตุดรเขาแค้นเคืองทูลให้เนรเทศ ท่านจะมามอบนคเรศให้ครอบครอง พระนครทั้งสองสิเป็นราชสัมพันธมิตร ก็จะเกิดวิกลวิปริตร้าวฉาน จากจารีตบุราณแต่ปางก่อน จะไม่สมัครสโมสรเสียประเพณี จะเกิดมหากาหลโกลีเดือดร้อน ทุกไพร่ฟ้าประชากรทั้งสองฝ่าย ต่างๆ ก็จะมุ่งหมายประทุษกัน ก็จะเกิดมหาพิบัติไภยันต์ไม่มีสุข เหตุด้วยเราผู้เดียวจะมาทำทุกข์ให้ท่านทั้งปวง ปฏิคฺคหิตํ ยํ ทินฺนํ อนึ่งสมบัติอันใดในเมืองหลวงเจตราฐ ซึ่งท่านทั้งหลายมายอมอนุญาตยกให้ เราขอคืนถวายไว้เสวยสุข ท่านจงอยู่นฤทุกข์อย่ามีภัย อันตัวเรานี้ก็จะลาไปยังวงกต จะประพฤติพรหมพรตอิสีเวศ เชิญท่านช่วยแนะแนววิถีทุเรศให้เราจร ไปยังวงกตสิงขรโน้นเถิด

                    (5) เดิน เจตราชาโน อันว่าพระยาเจตราชทั้งหลาย ทูลเบี่ยงบ่ายจะเชิญเสด็จไว้ ครั้นท้าวเธอมิยอมตามพระทัยก็สุดคิด จึงทูลเชิญเสด็จบรมบพิตรให้ประเวศพระนคร หวังจะให้เสวยสุขไสยากรเกษมอาสน์ ต่อเวลาพระสุริยวโรภาสจึงค่อยครรไล ท้าวเธอก็ถ่อมพระองค์ว่าเข็ญใจไร้ยศลดศักดิ์ มิได้เสด็จเข้าไปในสำนักพระพารา สาลํ อลงฺกริตฺวา พระยาเจตราชจึงจัดแจงตกแต่งศาลาที่สถิต ผูกม่านมิดเวียนวง แล้วแต่งที่ศิริสยนะผจงพิจิตรอาสน์ ให้ท้าวเธอไสยาสน์ในราตรี พร้อมด้วยดุริยางคเภรีมโหระทึก แตรสังข์ประโคมคึกประจำยาม อัจกลับประทีปตามแสงสว่าง บรรดากษัตริย์และแสนเสนางคนิกรจตุรงค์ ก็ห้อมล้อมพระองค์อยู่แออัด ตราบเท่าพระสุริยะจำรัสรุ่งวโรภาส จึงทูลเชิญเสด็จบรมบาทให้สรงสุคนธ์ธาร แล้วถวายพระกระยาหารรสโอชา ให้ท้าวเธอเสวยโภชนาสำราญพระทัย แล้วเชิญเสด็จครรไลล่วงลีลาศ จากพระนครเจตราฐด้วยดิเรกยศ โดยลำดับสถลวิถีกำหนดสิบห้าโยชน์ระยะดง พอบรรลุถึงประเทศทางตรงประตูป่า เมื่อจะทูลแนะแนววนาสิงขรเขตประเทศหิมพานต์ ก็กล่าวเป็นสาระพระคาถาว่า

                        ตคฺฆ   เต   มยมกฺขาม   ฯลฯ   อุญฺฉาจริยาย   อีหถาติ

                    (6) ขึ้น ราชาสิ ข้าแต่พระยอดฟ้าสากลเกศกษัตริย์ อันจะทรงปริวัติอิสีเวส ข้าพระบาทจะแนะแนววนาดรทุเรศระยะไพร เอส เมาะ เอโส ปพฺพโต นั่นคือขุนเขาใหญ่สูงเสมอเมฆ แลวิเวกเป็นหว่างเวิ้งเชิงชั้นช่องเป็นปล่องเปลว ละหานเหวและหุบห้วยตรวยโตรก ชะโงกง้ำถ้ำชะวากวุ้งหว่างภูผา เสโล ล้วนศิลาเลื่อมลายเป็นหลายสี บ้างก็ขาวเขียวขจีดำแดงแสงมอหมึกหม่นหมอกเมฆสลับกัน บ้างก็เป็นแสงสีสุวรรณเลื่อมเหลืองเรืองโรจน์ บางแห่งก็เป็นแสงวิเชียรชวงโชติชัชวาล บ้างก็เป็นสีรัตน์ประพาฬไพฑูรย์ปัทมราช เป็นสายรุ้งพุ่งฟาดผสานแสงสุกส่องสว่างฟ้า บ้างก็เป็นสีโมรารายระดับ ดูวะวาบวับจับแสงสุริยวโรภาส เล่ห์บุคคลเอาแก้วมาดาษประดับไว้ พระพุทธเจ้าข้า โน่นก็พฤกษาสูงไสวแลเป็นพุ่มๆ เขียวชอุ่มขจิตขจี ดูดังเอาฉัตรนิลมณีมากางกั้น แลเป็นจังหวะระยะชั้นอยู่เรียงราย รุกขชาติทั้งหลายล้วนทรงผกามาศ ผลดกดาษดูตระการ กอปรด้วยสุคนธชาติอันหอมหวานฟุ้งขจรตระหลบกลบจังหวัดวนาเวศ   ทรงสุคนธรสวิเศษสิบประการ คนฺธมาทโน จึงเรียกนามตามโลกโวหารให้เห็นเหตุ ชื่อว่าขุนศิขเรศคันธมาทน์คิรีรมย์ ย่อมเป็นที่ทิพยอุดมพิมานมาศ หมู่อมรเทวราชสุราฤทธิ์พิทยาธรกินนรคนธรรพ์ ถ้าจะนับก็มากกว่าหมื่นพันที่จะคณนา อุชุ ํ เยนุตฺตรา มุโข พระพุทธเจ้าข้า เชิญพระบาทเสด็จลีลาศโดยทิศอุดร ก็จะถึงเขาวิบุลสิงขรคีรีมาศ แล้วจะได้ทรงชมอรัญรุกขชาติที่เชิงผา บ้างก็ทรงสาขาเกี่ยวกระหวัด ยามเมื่อพระพายรำเพยพัดก็ประสานกันเสียดสีเสียงเสนาะก้องทั้งกลางป่า นที ทิสฺวา แล้วจะได้ทอดพระเนตรเห็นแม่น้ำเกตุมดี อันไหลมาแต่ท่อธารคิรีห้วยละหานผา มจฺฉอากิณฺณํ อันอาเกียรณ์ไปด้วยเต่าปลานี่หลากหลายว่ายเวียนวนในวารี สุปติตฺถํ มีท่าก็ดีที่ก็ราบถึงจะกินอาบก็เกษมสำราญจิตระรื่นรมย์ นิโครธํ แล้วจะได้ทรงชมมหานิโครธไทรใหญ่ใบชิดชัด รากเกี่ยวกระหวัดกับแผ่นศิลา ล้วนแต่ทรงสาขาเขียวขจี แล้วจะได้ทอดพระเนตรชมซึ่งนาลีกบรรพต ทิชคณากิณฺณํ อันปรากฏไปด้วยปักษาร้องส่งเสียง ทั้งหมู่กินนรกินรีเรียงก็ร่ายร้อง ส่งสุรเสียงเสนาะก้องในกลางไพร ล้วนแต่ทรงลักษณะวิไลลอออ่อน บ้างก็รำฟ้อนกระหยับหางย่างเหยียบบนเนินผา ทั้งหมู่สกุณานิกรก็ร่ำร้อง บ้างก็จับจ้องร้องอยู่แจ้วๆ จำนรรจา ตามภาษาประสานเสียง บ้างก็มองเมียงหมายคู่ ทั้งดุเหว่าเคล้าคู่ก็คูขัน บ้างก็หกหันโหนห้อยเห็นแต่ตัว บ้างก็เป็นสีหมึกมัวหมอกหม่น บ้างก็แดงดำดูขำขนสลับสี ทั้งสัตวาโนรีร้องระงมดง เหล่าสกุณาราชหงส์เห็นวิเศษ หมู่สกุณมยุเรศรำแพนหาง เหล่าคณายางย่างเยื้องย่อง กะเรียนร้องก้องกังวานไพร สาลิกาจับไม้แล้วมองเมียง ร้องประกาศเสียงดังเสียงคน การเวกบินบนอัมพระประเทศ ส่งสุรเสียงวิเศษเสนาะในโพยมมาศ ดังว่าเสียงพิณพาทย์ชาวสุราลัย พระองค์ได้ทรงฟังก็จะเพลินพระทัยละเลิงหลง แล้วจะได้ทรงชมซึ่งสระโบกขรณี น้ำนั้นใสสีบริสุทธิสะอาด ปทมุปฺปลสญฺฉนฺนํ อันเดียรดาษไปด้วยปัญจปทุมชาติบานสลอน ฟุ้งขจรไปด้วยเกสรรสเรณู เหล่าแมลงภู่บินมาเชยซาบอาบเอาสาโรชร่อนไปทำรังพระองค์ก็จะได้ทรงฟังในราวไพร แล้วเสด็จครรไลโดยทิศอุดร ก็จะบทจรเข้าสู่ป่าระหงดงใหญ่ไพรพนม ควรที่จะสร้างพระอาศรมในสถานที่นั้น ก็จะเกษมสันติ์เป็นบรมสุขสำราญ อยู่ในป่าหิมพานต์นั้นแล ฯ

                    (7) เดิน เจตราชาโน อันว่าพระยาเจตราชทั้งหลายทูลถวายมรรคา แล้วจึงเรียกพรานป่าเจตบุตรผรุสทารุณอันหยาบช้า สั่งให้เป็นพนักงานรักษาทวารหิมพานต์ แล้วมีพระราชโองการมอบเวรบังคับขาด ถ้าเห็นผู้ใดแปลกประหลาดจงฆ่าเสียให้สิ้นชีพ สั่งแล้วก็รีบไปตามส่งสิ้นหนทางสิบห้าโยชน์ ต่างพระองค์ก็น้อมเศียรศิโรตม์ลงอภิวาท ทูลลาบรมบาทคืนเข้าพระนคร        ขึ้น เวสฺสนฺโต ราชา ส่วนสมเด็จพระเวสสันดรบวรราชชินวงศ์ ทรงพาขัตติยะทั้งสามพระองค์ล่วงลีลาศ ก็ลุถึงขุนเขาคันธมาทน์คิรีรมย์ จึงเสด็จเข้าหยุดพักบรรทมระงับร้อน แล้วท้าวเธอก็เสด็จบทจรตามเชิงเขาวิบุลบรรพต โดยลำเนาพนัสกำหนดระยะดง แล้วท้าวเธอก็เสด็จลงสรงกระแสสินธวนที ในแม่น้ำเกตุมดีสำราญพระทัย เดิน จึงนายพเนจรพรานไพรที่เที่ยวอยู่ในป่า ถวายมังสะกับน้ำผึ้งสดรสโอชาเป็นบรรณการ ท้าวเธอก็พระราชทานปิ่นทองปักพระโมลี แล้วทรงพาพระมเหสีกับสองดรุณราช เสด็จโดยตำแหน่งวนาวาสวิถีเถื่อน ขึ้น มีแต่สามกษัตริย์เป็นเพื่อนพเนจร ในพนัสสิงขรนั้นแล

                    (8) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรอินทรีย์ สมเด็จท้าวสุชัมบดีเทวราชสุราฤทธิ์ จึงตรัสสั่งให้พระเวสสุกรรมมานฤมิตพระอาศรมสถาน พร้อมด้วยเครื่องดาบสบริขารบรรพชิตพิธี ถวายพระจอมโมลีวรราช ฝ่ายพระเวสสุกรรมก็อภิวาทรับเทวบัญชา มานฤมิตพระอาศรมบทในเวิ้งหว่างวงกตศิขเรศ แล้วบันดาลพาลมฤคในหิมเวศให้หลบลี้ปลาตไปไกลได้สามโยชน์ แล้วบันดาลสัตว์ที่ส่งเสียงเสนาะโสตให้ร้องประสานเสียงถวายใกล้พระอาศรม แล้วบันดาลให้รื่นรมย์ไปด้วยดงดอกไม้ ฟุ้งขจรไปด้วยเกสรรสสุคนธา อกฺขรานิ ลิขิตฺวา แล้วจารึกอักขระไว้กับใบทวาร อนฺตรธายิตฺวา ก็อันตรธานสู่เทวสถานสุราลัย เวสฺสนฺตโร ราชา ฝ่ายสมเด็จบรมไทพุทธชินวงศ์ ทรงดำเนินข้ามคิริยขุนเขาเขินเขื่อนขัณฑ์ ล้วนแต่รุกขอรัญเรียงสล้างแลละลานตา พอพระสุริยาเธอเยี่ยมยอดยุคันธเรศ ก็เสด็จถึงทิพยอาศรมนิเวศน์วนาลัย ทอดพระเนตรเห็นอักขระ ก็ทราบพระทัยว่าท้าวสหัสนัยน์สร้างถวาย โอมุญฺจิตฺวา จึงทรงเปลื้องเครื่องสุภาภรณ์จากพระกาย ค่อยสบายพระทัยด้วยสมพระราชประสงค์ ปพฺพชิตฺวา ท้าวเธอก็ทรงอุดมบรรพชาเพศ งามดุจท้าวกมเลศผู้ทรงฌาน มทฺที เทวี ส่วนสมเด็จพระเยาวมาลย์มเหสี ก็ทรงผนวชเป็นดาบสินีเจริญวัตร แล้วให้สองดรุณหน่อกษัตริย์ทรงบรรพชา มทฺที สพฺพงฺคโสภณา สมเด็จพระมัทรีผู้ทรงศรีสุนทรลักษณวิลาส จึงกราบทูลละอองบาทพระภัสดา ว่าจะทรงพระกรุณาข้าพระบาท จะขอรับพระราชทานเก็บผลรุกขชาติมาปฏิบัติ พระองค์อย่าได้เคืองขัดพระอัธยาศัย จงพระราชทานให้สำเร็จความปรารถนาในครั้งนี้ ขึ้น เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าสมเด็จพระเวสสันดรราชฤษี ทรงประสาทพระพรให้แก่พระมัทรีแล้วจึงตรัสประภาษเล่า ว่า ภทฺเท ดูกรพระเยาวยอดขัตติยกัญญา เรานี้สิทรงบรรพชาเพศอันอุดม ผิดเวลาแล้วอย่าได้มาสู่พระอาศรม พระมัทรีก็น้อมสิโรตม์ลงบังคมรับสั่งสาส์น แล้วก็อุ้มสองดรุณราชกุมารเข้าสู่พระอาศรม ทรงเจริญจตุพรหมเมตตาฌาน เสวยสุขสำราญในพระอาศรมนิราศภัย อรุณุคฺคมเน ครั้นพระสุริโยทัยเธอส่องแสงจำรัสรุ่งวโรภาส ส่วนสมเด็จพระมัทรีศรีรัตนราชกัญญา พระนางก็ทรงจัดหาน้ำใช้และน้ำฉัน ไม้สีพระทันต์ถวายบรมบาท แล้วก็แผ้วกวาดพระอาศรม บังคมลามาประโลมพระลูกเล่า จูบกระหม่อมจอมเกล้าแล้วรับขวัญ ว่าเจ้าแม่เอ่ย แม่ลูกได้เห็นหน้ากันเมื่อยามยาก พระชนนีนี้จะจากเจ้าเข้าไปป่า แก้วกัณหาอย่าเล่นให้ไกลพี่ พ่อชาลีจงระวังน้อง อย่าละให้คะนองเล่นแต่ลำพัง ครั้นตรัสสั่งพระลูกทั้งสองแล้ว นางแก้วก็จัดหาสาแหรกและขอคาน กระเช้าสานทรงหาบ เสวยพระอัสสุชลพิลาปเข้าสู่ป่าพระหิมพานต์ เที่ยวเสาะแสวงหามูลผลาหารในหิมวันต์ ครั้งเวลาสายัณห์ก็กลับมายังพระอาศรม ปลอบประโลมให้พระลูกเสวยนมแล้วก็ลีลาศ พาสองดรุณราชลงสรงพระคงคา ประดับประดาพระลูกทั้งสองแล้ว ก็พาพระลูกแก้วเข้าสู่พระอาศรมสถาน สี่กษัตริย์เสวยมูลผลาหารเลี้ยงพระชนมชีพค่อยวัฒนา ในบรรณศาลานั้นแล

                    (9) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิปัญญา เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าพระจอมจักรพาฬพิภพสีพี ปญฺจ สีลานิ ทรงรักษาเบญจางคิกพิธีศีลาจาร ทรงพระเจริญจตุพรหมวิหารแสนสุขวิเศษ บรรดาสรรพสัตว์ทั่วทั้งขอบเขตก็สิ้นพยาบาท ชวนกันอภิวาทถวายพร ทั้งปักษาทิชากรก็ส่งเสียงสรรเสริญพระบารมี ขึ้น เต จตฺตาโร ขตฺติยาอันว่าบรมกษัตรากษัตรีทั้งสี่พระองค์ ทรงบรรพชาเพศในหิมเวศวงกต สตฺต มาเส ก็กำหนดได้เจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา อิติ เมาะ อิมินา ปกาเรน ด้วยประการดังนี้แล ฯ

วนปฺปเวสนกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ

ประดับด้วยพระคาถา ๕๗ พระคาถา

เอวํ ก็มีด้วยประการดังนี้แล ฯ

(พิณพาทย์ทำเพลงพระยาเดิน)