กัณฑ์ที่ ๓ ทานกัณฑ์ ๒๐๙ พระคาถา
พระครูพิมลธรรมภาณมานพ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน
สำนักวัดถนน
-------------------------------
ผุสฺดี ปิ โข เทวึ ปุตฺตสฺส เม กฏุกสาสนํ อาคตํ กินฺนุ โข กโรติ อหํ คนฺตฺวา ชานิสฺสามีติ ปฏิจฺฉนฺนโยเคน อาคนฺตฺวา สิริสยนคพฺภทฺวาเร ฐิตา เตสํ ตํ สลฺลาปํ สุตฺวา กลูนํ ปริเทวํ ปริเทวีติ ฯ
(1) ขึ้น ผุสฺตี ปิ โข เทวีปางเมื่อสมเด็จพระผุสดีศรีสุนทรราชมารดา กฏุกสาสนํ สุตฺวา พระนางได้สดับสาส์นคดีอันเดือดร้อน ว่าจะเนรเทศพระเวสสันดรเสียจากวัง เพียงพระทรวงจะภินท์พังพูนเทวศ พระชลเนตรเธอไหลลงทรงพระโศกา จินฺเตตฺวา พระเสาวนีย์นิ่งวินิจนึกในพระหฤทัย ว่า อกเอ๋ย เออก็เป็นกรรมไฉน น้อยใจด้วยชาวเมือง มันมาทำวุ่นขุ่นเคืองน่าแค้นนัก จำจะไปเยือนพระลูกรักทั้งสองศรี สมเด็จพระพันปีดำริพลาง พระนางประจงจับสไบพลัน สะพักพระถันประทุมเมศ สมเด็จพระอัคเรศราชกัญญา เสด็จทรงสีวิกากรรีบร้อนมาโดยด่วน ตามท้องฉนวนสนามใน บัดเดี๋ยวใจก็ถึงซึ่งตำหนัก พระโอรสรักยอดสงสาร ฐปาเปตฺวา พระนางให้ประทับสีวิกากาญจน์กับเกยมาศ พระผุสดีก็ลีลาศเข้าสู่ห้อง ได้สดับเสียงสองราชโอรส เธอทรงพระกำสรดโศกา อยู่ในห้องนิทรานั้นแล
ตมตฺถํ ปกาโรนฺโต สตฺถา อาห
เตสํ ลาลปิตํ สุตฺวา ฯลฯ ปพฺพาเชนฺติ อทูสกนฺติ
(2) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลโอภาส ปางเมื่อสมเด็จพระนางนาฏผุสดี ทอดพระเนตรเห็นพระมัทรีโศกสะอื้นไห้ กลูนํ พระนางยิ่งอาลัยสรวมกอดศรีสะใภ้พลาง พระหัตถ์ขวาลูบพระปฤษฎางค์พระโอรส เธอก็ทรงพระกำสรดสะอื้นไห้ ขึ้น ว่าโอ้พ่อดวงหทัยนัยเนตรเวสสันดรของแม่เอ่ย ไม่ควรเลยพระลูกรักมาต้องโทษ อุตส่าห์เสาะสร้างทางประโยชน์อันใหญ่ยิ่ง เห็นยาจกจนจริงไม่นิ่งได้ สู้แผ่เผื่อเจือไปทุกค่ำเช้า เออก็การอะไรเล่าของชาวเมือง มาชวนกันคิดแค้นเคืองกล่าวร้าย เพ็ดทูลวุ่นวายสนั่นวัง พระเจ้าพ่อไม่รอรั้งช่างเชื่อถือ มันสอพลอก็อออือไปด้วยสิ้น พระลูกเอ่ย แม้นเจ้าพลัดพรากจากบุรินทร์เรือนหลวง แม่จะกุมกรข้อนทรวงไม่วายวัน จะผูกศอให้อาสัญสิ้นชีวิต พระลูกข้าไม่มีผิดสักนิดหนึ่ง ควรฤาชวนกันยกโทษโกรธขึ้งทั้งเวียงไชย เออก็จะหาที่ไหนได้ดังลูกแก้ว น้ำพระหฤทัยก็ผ่องแผ้วในทางทาน อชฺฌายิกํ ทั้งไตรเพทวิชาการก็เชี่ยวชาญชำนาญหมด ทั้งพระเกียรติยศก็ปรากฏทั่วทิศา ปฏิราชูหิ อนึ่งเล่าท้าวพระยาทุกประเทศ ก็เกรงพระเดชระย่อยอมถวายเมือง น้อมนำเครื่องบรรณาการมาพร้อมพรั่ง บ้านเมืองก็มั่งคั่งตั้งแต่ว่าจะผาสุกทุกตำบล ควรแลฤาประชาชนมาริษยา เท็จทูลพระบิดาให้ขึ้งโกรธ แม่จะไปทูลขอโทษดูสักครั้ง เกลือกว่าจะเห็นแก่แม่มั่งมิเป็นไร พระลูกเอ่ย อย่าร้องไห้ฟังแม่ว่า เดิน รญฺโญ สนฺติกํ คนฺตฺวา สมเด็จนางพระยาตรัสปลอบพระลูกแก้วแล้วก็ลีลาศ มาเฝ้าพระบาทบรมราชสามี สมเด็จพระผุสดียอพระกรชุลีแล้วก็โศกา อยู่ต่อหน้าพระที่นั่งนั้นแล
มธูเนว ปฬิตานิ ฯลฯ มญฺเญ เหสฺสามิ ชีวิตนฺติ
(3) เดิน สมเด็จพระผุสดี ยอพระกรชุลีขึ้นเหนืออุตตมางคศิโรตม์ ขึ้น ว่าพระพุทธิเจ้าข้า จงทรงพระกรุณาโปรด ขอพระราชทานโทษเจ้าเวสสันดร ลูกอ่อนกระทำละเมิดจิตผิดกระทรวง อันนี้ก็ล่วงพระราชอาชญาฝ่าละอององค์อิศเรศ ยกพระยาศรีเศวตบวรเอกฉัททันต์หิรัญรัศมีมอบให้เป็นทาน โทษก็ถึงกำจัดจากราชฐานบ้านเมือง เกล้ากระหม่อมก็คิดเคืองไม่รู้หาย หากว่าเป็นหน่อเนื้อเชื้อสายจึงสังเวช ขอพระปิ่นปกเกศได้โปรดเกล้า อนึ่งเล่ากุญชรล้ำคเชนทร กษัตริย์อื่นหมื่นนครไม่หาได้ เป็นศรีวังเวียงไชยมิ่งมงคลเมือง พระโอรสเล่าก็รุ่งเรืองสุดกษัตริย์ จะกำจัดให้พลัดพรากราชธานินทร์ ใช่ว่าคชนาคินทร์จะคืนวัง พระองค์ช่างเชื่อฟังคำคนอันชั่วโฉด ชาวเมืองมันกล่าวโทษพลอยโกรธตอบ เสียกำแล้วจะซ้ำกอบกระมังหนาพระทูลเกล้า พระคุณเอ่ย อย่าได้เบาพระทัยเร่งใคร่ครวญ ครั้นจอแจเข้าเมื่อจวนสิจนใจ ราษฎรกุญชรชัยนั้นฤาจะช่วย ลูกและเมียดอกจะม้วยด้วยพระองค์ได้ พระคุณเอ่ย อย่าเพ่อเศร้าเสียพระทัยเร่งร้อนรน ด้วยช้างต้นมงคลขวัญเมือง บุญหลังยังรุ่งเรืองคงหาได้ จะหาลูกดังดวงใจนี้ยากนัก ดังหาดวงวิเชียรจักรพรรตราธิราช ฝ่าพระบาทจะขับพระเจ้าลูกเสียจำไกล จะได้ใครต่างพระหฤทัยนัยเนตร นับวันนคเรศจะร้างเป็นรังกา ด้วยพระองค์สิทรงพระชราอยู่มากแล้ว สมบัติของพระทูลกระหม่อมแก้วก็จะจลาจล อมฺพาว ปติตา ฉมา เสมือนหนึ่งไม้ม่วงอันมีผล ทรงสุคนธรสอันหอมห่าม จะเหลืองหล่นตกตามกันหยอยๆ ไม่พักเงยศอยกขอสอยให้เสียวเส้น ฝูงคนมันก็จะคอยเก็บกินเล่นไม่เหลือหลง เสมือนสมบัติของพระองค์ทรงสวัสดิ์ ด้วยไร้ญาติราชกษัตริย์อนาถา อปวิฏฺโฐ อนึ่งเล่า พระพุทธเจ้าข้า อันเสนาน้อยใหญ่ยากที่จะตรองเห็นใจว่าตรงจริง มีบุญเขาก็จะวิ่งเข้ามาเป็นข้า พึ่งพระเดชพระกรุณาให้ใช้สอย เฝ้าป้อยอสอพลอพลอยทุกเช้าค่ำ ยามเมื่อเพลี่ยงพล้ำเขาก็จะช่วยกันกระหน่ำซ้ำซ้อมซัก หํโส นิกฺขีณปตฺโตวดังราชหงส์ปีกหักตกปลักหนอง กาแกก็จะแซ่ซ้องเข้าสาวไส้ พระองค์จงทรงพระวินิจฉัยอย่าเชื่อคำ ชาวเมืองมันย้อนยำยุยงให้ลงโทษ พระพุทธิเจ้าข้าจะทรงพระกรุณาโปรดประการใด ฤๅจะเชื่อชาวเวียงไชยไม่โปรดแล้ว เชิญพระทูลกระหม่อมแก้วจงฟาดฟันกระหม่อมฉันให้ม้วยมรณ์ แล้วจึงขับเจ้าเวสสันดรต่อภายหลัง พระทูลกระหม่อมเอ่ย ถึงลูกชั่วจะชิงชัง เกล้ากระหม่อมนี้ก็ยังไม่มีโทษ ขอพระองค์ได้ทรงโปรดปรานี ข้าพระพุทธเจ้าผุสดีผู้สามิภักดิ์ ประทานโทษพระลูกรักร่วมชีวี แต่ครั้งคราเดียวนี้เถิด
(4) เดิน เมื่อสมเด็จพระผุสดี กราบทูลพระราชสามีสักเท่าใดๆ ท้าวเธอก็มิได้ยกโทษให้ตามเจตนา พระนางถวายบังคมลาโศกสะอื้นกลับคืนมาสู่ตำหนัก สรวมกอดพระลูกรักแล้วพูนเทวศ ขึ้น ว่าโอ้พ่อฉัตรพิชัยเชตุเวสสันดรของแม่เอ่ย ตั้งแต่นี้พระชนนีนี่จะเสวยพระอัสสุชลธารา แม่ไปทูลพระบิดาเธอก็ไม่โปรด แม่วอนขอโทษเธอก็ไม่ให้ พระลูกเอ่ย ชะรอยกรรมเจ้าทำไว้แต่ปางหลัง พ่อจึงจะพลัดพรากจากวังที่นั่งนอน ปุพฺเพ แต่ปางก่อนพระลูกเคยประพาสในราชมรรคา ย่อมทรงอัสสวราเรืองสนามงามปรากฏ ลางทีก็ทรงราชรถมรกตแก้วอลงกรณ์ ลางทีก็ทรงกุญชรช้างระวางใน ทวนธงไสวโห่แห่หน้า สหชาตโยธาเดินเคียงข้าง ล้วนแต่ลูกขุนนางสำอางพักตร์ งามรูปวิไลลักษณ์แลสลอน ประดับเครื่องสุภาภรณ์พรรณราย ดังฝูงเทพนิกายแห่ห้อม แวดล้อมองค์มหิศเรศเรืองฟ้า กณิการาว ปุปฺผิตา งามดังดอกกรรณิกากาญจน์ สุหร่ายรดเบิกบานน่าชมเชย สฺวาชฺเชโก พระลูกเอ่ย พรุ่งนี้เช้าเจ้าจะไปเดินในแดนดง จะละหมู่จตุรงค์เสนา พ่อจะได้ชมแต่โคถึกมฤคาในป่าระหง พระลูกเอ่ย เจ้าเคยสำอางองค์ทรงกระแสสินธุ์ น้ำสุหร่ายรินจรุงรื่น แต่นี้จะชุ่มชื้นไปด้วยน้ำค้างในกลางป่า พ่อจะเสวยแต่มูลผลาต่างเครื่องสุธาโภชน์ทุกเช้าค่ำ ถึงขมขื่นก็จะต้องกลืนกล้ำจำใจเสวย ลูกรักของแม่เอ่ย เจ้าสิเคยบรรทมแท่นทิพยไสยาสน์ พ่อจะหักใบพฤกษชาติมารองนอนไม่อ่อนอุ่น ไม้ขอนจะเป็นหมอนหนุนต่างเขนย นจฺจคีตปฺปโพธโน พระลูกเอ่ย เจ้าเคยฟังดุริยางค์อนงค์นางบำเรอเรียงอยู่แซ่ซร้อง บ้างก็ดีดสีตีพิณพาทย์ระนาดฆ้องประโคมขับ ลางนางก็ประจงจับระบำรำถวายกร ดังสุรางค์สาวสวรรค์ฟ้อนฉะอ้อนองค์ เจ้าแม่เอ่ย ตั้งแต่นี้เจ้าจะฟังแต่เสียงวิหคหงส์ในหิมเวศ มยุเรศร่ำร้องในกลางไพร จะทราบโสตเสียวพระทัยทุกราตรี สงสารแต่แม่มัทรีจะไปด้วยผัว ช่างไม่กลัวลำบากจะบุกป่า บาทาเจ้าสินุ่มนิ่มดังเนื้อนุ่น จะฟูมแฝกเฝือฝุ่นกระไรได้ จะชอกช้ำระกำใจทุกเวลา ยา สา สิวาย สตฺวาน เจ้าแม่เอ่ย ขวัญเจ้าสิอ่อน ได้ยินเสียงสุนัขมันเห่าหอนในธานี แม่มัทรีนี้ยังส่งพระสุรเสียงอยู่หวีดหวาด วนํ คจฺฉติ ภีรุกา เออแม่นี่แสนขลาดแสนกลัว จะติดตามพระเจ้าผัวไปป่าบ้าง แม่จะได้ยินสกุณครวญครางในป่ารก เจ้ามัทรีก็จะตื่นตกพระทัยกลัว จะกอดพระเจ้าผัวตัวสั่นดังผีสิง พระลูกเอ่ย แม่คิดๆ ก็ยิ่งโศกเศร้า สงสารด้วยเจ้าทั้งสองรา กาสิยานิ ปธาเรตฺวา เจ้าเคยทรงผ้ากาสิกพัสตร์ โอ้แต่นี้แม่จะกลัดใบพฤกษาทรง จะระคายคันองค์โอ้เวทนา ยามหนาวแม่จะหนาวน้ำฟ้าสยองเย็นทุกเส้นขน ยามร้อนแม่จะนอนระคนปนเหงื่อไคล พระลูกเอ่ย จะร้างไร้เครื่องสุคนธ์ปนปรุงทอง จะมอมแมมมัวหมองทั้งสององค์ อกเอ๋ยใครเลยจะจัดประจงให้สรงเสวย อนิจจานิจจาเจ้าแม่เอ่ย เจ้าเคยชวนกันไปเฝ้าทุกเช้าเย็น แม่ได้เห็นหน้าเจ้าค่อยชื่นใจ จะชวนกันหนีแม่ไปเสียจากวัง มารดาอยู่ข้างหลังตั้งแต่จะครวญหา จะโศกเศร้าทรงโศกากรรแสงไห้ไม่วายวัน อยู่ในห้องตำหนักจันทน์นั้นแล
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
ตสฺสา ลาลปิตํ สุตฺวา ฯลฯ สิวีนํ รฏฐวฑฺฒเนติ
(5) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิสิกขา อนฺเตปุเร สพฺพา ฝ่ายพวกหม่อมจอมบริรักษ์สาวสุรางค์หลวง แม่เจ้าท้าวนางในบวรราชวัง ตสฺสา ลาลปิตํ สุตฺวา ได้สดับพระเสาวนีย์เธอทรงพระโศกา ต่างก็ฟายน้ำตาซบหน้านิ่ง กลิ้งเกลือกเสือกเศียรสยายเกศา บ้างก็ซุบซิบกระหยิบตา พากันเข้าห้องแล้วร้องไห้ สาลาว สมฺปมถิตา ประดุจดังป่าไม้รังอันร่มรื่น ต้องลมยุคันธวาต หักพาดพิงนิ่งระเนนกับพสุธา เสนฺติ ปุตฺตา จ ทารา จ ก็เหมือนหนึ่งราชกัญญาคณานางสนม ล้มเนรนาทอนาทด้วยอาลัย ในพระบวรราชวังนั้นแล
(6) เดิน ตโต รตฺยา วิวสเน ครั้นอรุณรังสีทิพากร ปางเมื่อพระเวสสันดรบวรราชนาถา นฺหาตฺวา ท้าวเธอสระสรงทรงสุคนธรสระรวยรื่นชื่นนาสา พนักงานเชิญพานผ้าจีบประจงถวาย ภุญฺชิตวา เสด็จเข้าที่เสวยสบายพระทัยแล้ว พระพักตร์เธอผ่องแผ้วเพื่อจะบำเพ็ญพระโพธิญาณ เสด็จออกยังโรงทานท้องสนามหลวง อำมาตย์หมอบตามตำแหน่งอยู่สะพรั่ง จึงเผยพระโอษฐ์โปรดประภาษสั่งสหชาตโยธา ให้เบิกเงินตราอาภรณ์เครื่องประดับสำหรับแต่ง แล้วสั่งวิเศษให้จัดแจงเครื่องกระยาหาร ของคาวหวานสำหรับจะพระราชทานคนเข็ญใจ จนชั้นสุราเมรัยไม่ควรจะให้เป็นทาน โสณฺฑานํ เทถ วารุณึ กลัวว่านักเลงสุราบานจะติฉิน เธอก็ให้พระราชทานสิ้นทุกประการ แล้วจ่ายแจกสัตตสดกมหาทาน เป็นต้นว่าคชสารเจ็ดร้อย ย้าย สพฺพาลงฺการภูสิเต ประดับอาภรณ์ภู่ห้อยหูดูเฉิดฉาย ดารารายรัตคนทอง ตาข่ายกรองปกกระพองหัตถี คามณีเยภิ มีนายหัตถาจารย์ขึ้นขี่ประจำคอ มือถือขอคร่ำด้ามสุวรรณ คชสารแต่ละตัวนั้นเรี่ยวแรงร้ายคำรน มาตงฺเค เกิดในป่าต้น หางปกส้นสมตระกูลหัตถี สตฺต อสฺสสเต ทตฺวา ให้จ่ายแจกอัสดรราชพาชี เลือกที่ตัวดีเรืองณรงค์องอาจ สินฺธเว สีฆพาหเน เกิดแต่ชาติสินธพ ควบขี่ตีตลบตะลุยไล่ อยู่ปืนไฟไม่ถอยถด ลางตัวก็พยศย่างย้ำซ้ำรอยอยู่กับที่ ล้วนแต่ชาติพาชีระวางใน เครื่องอานใส่ประไพพร้อมย่อมเจริญตา คามณีเยภิ มีนายม้าถือไม้แซ่ทุกคนหมด สตฺต รถสเต ทตฺวา ให้จ่ายแจกราชรถอันบรรจง พร้อมไปด้วยดุมกำกงอลงกรณ์ งอนแอกแปรกบัลลังก์สุวรรณ ฉลุฉลักเป็นชั้นช่อห้อย สพฺพาลงการภูสิเต ประดับด้วยเพชรพลอยย้อยระยับสลับสี เทียมด้วยสินธพพาชีทั้งคู่ นายสารถีถือธนูดูสง่าตากลอกกลม ในราชรถนั้นนางสนมนั่งเสงี่ยม ยุคลถันนั้นก็ทัดเทียมประทุมทอง วิมลพักตร์ก็ผุดผ่องละอองนวล ดูน่าจะเชยชวนยวนวิญญา นิกฺขรชฺชูหิ อลงฺกตา ประดับเครื่องอาภรณ์พรายพรรณ ดังสุรางค์นางสวรรค์ในชั้นฟ้า สตฺต เธนุสเต ทตฺวา ให้จ่ายแจกโคนมอีกเจ็ดร้อยมิได้ขาด ทั้งทาสทาสีก็สิ้นเสร็จ เดิน ฝ่ายสมเด็จพระเวสสันดร ให้ป่าวร้องชาวพระนครในขอบเขตขัณฑสีมาเมือง ยาจกก็แน่นเนื่องเข้ามารับพระราชทาน บ้างก็ซร้องสาธุการอนุโมทนา บ้างก็โศกาปรึกษากัน ขึ้น ว่าชาวเราเอ่ย นับวันจะอดอยาก ด้วยพระทูลกระหม่อมจะพลัดพรากไปจากแล้ว ดังดวงเดือนประทีปแก้วจะล่วงลับ เราคนจนก็จะอาภัพอัปภาคย์แสนกันดาร จะได้รับพระราชทานก็แต่วันนี้ บ้างก็ร้องไห้อยู่อึงมี่น่าเวทนา ปางเมื่อพระจอมประชามหาเวสสันดรดวงดิลก เธอยอยกสัตตสดกมหาทานแล้ว พระทัยเธอก็ผ่องแผ้วชื่นบานต่อพระทานบารมี แห่งหน่อพระชินสีห์นั้นแล
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
อามนฺตยิตฺถ ราชานํ ฯลฯ สพฺพกามทโท หิ เมติ
(7) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลวิเศษ ปางเมื่อสมเด็จอดุลเดชเวสสันดรราชนาถา ทรงพระราชศรัทธาสมดังพระหฤทัยคิด ทรงพระวินิจนึกในพระทัยเที่ยงแท้ ว่า เสวฺ วันพรุ่งนี้แน่แล้วสิหนอเราจะจากพระพารา จำจะไปถวายบังคมลาพระบิตุเรศ ทั้งพระปิ่นปกเกศพระชนนี จึงตรัสชวนพระมัทรีศรีสมร อีกสองบังอรโอรสราช เสด็จยังปราสาทพระบิตุรงค์ พระเวสสันดรเธอก็ทรงพระโศกา ขึ้น ว่าพระพุทธเจ้าข้า ไม่ทรงพระกรุณาโปรด กระหม่อมฉันคนโทษต้องเนรเทศ เป็นเหตุด้วยทำทานการกุศล เย เกจิ นรา กระหม่อมฉันเห็นว่านรชนชาติหญิงชาย ยังหมกมุ่นวุ่นวายด้วยกิเลส ยมสาธนํ คจฺฉนฺติ ย่อมไปทนเทวศอยู่ในขุมขังสุดสังเกต ยชมาโน เกล้ากระหม่อมสังเวชหฤทัยนัก จึงสละของที่รักออกทำทาน หวังจะเป็นสะพานข้ามด่านแดนกิเลส โอ้พระปิ่นปกเกศไม่ปรานี มาเชื่อคำชาวบุรีเขายุยงไม่ทรงพระกรุณา ลูกจะขอถวายบังคมลาฝ่าพระบาทแล้ว ทูลกระหม่อมแก้วจงเจริญพระชนมพรรษา ครอบครองขัณฑสีมาเกษมศรี ลูกขอฝากพระชนนีของลูกด้วย นับวันแต่ลูกจะม้วยไม่คืนวัง จะเตร็ดเตร่เซซังไปในไพรสาณฑ์ กว่าจะสุดสิ้นพระชนมาน อยู่ในป่าหิมพานต์นั้นแล
(8) เดิน ราชา สญฺชโย ปางเมื่อพระจอมนราธิบดีศรีสญชัยได้ทรงฟังพระโอรสทูลร่ำพิไร พระทัยเธอเร่าร้อนประหนึ่งว่าจะผ่อนให้ จึงผินพระพักตร์มาตรัสปราศรัยกับพระสุณิสาศรีสะใภ้ ขึ้น ว่า มัทรีเอ่ย พาเจ้าชาลีกัณหามาไย จะไปด้วยผัวหรือพระลูกรัก อนิจจาๆ เอ่ยไม่ควรเลยจะประดักประเดิด ดูเอาเถิดไม่เกรงกลัว เจ้าโกรธพ่อฤๅว่าขับผัวจากบุรี มัทรีจะไปด้วยก็เป็นได้ พระลูกเอ่ย อย่าไปเลยฟังพ่อว่า วเน เย โหนฺติ ทุสฺสหา อันป่าพระหิมพานต์ ประกอบไปด้วยร่านริ้นจะกินกัด สารพัดที่นอนนั่งก็อเนจอนาถ มีแต่ใบไม้ลาดบนปฐพี แต่จะกินก็ไม่มีดีดูเวทนา เจ้าจะเสวยมูลผลาได้ฤๅนะมัทรี นทีนูปนิเสวิเต อนึ่งกระแสวารีชโลธร งูเหลือมย่อมสัญจรนอนอยู่ริมธาร อวิสา เต มหพฺพลาถึงไม่มีพิษฤทธิ์กล้าหาญแต่กายานั้นใหญ่ยิ่ง วิดชโลธรทุ่มทิ้งเพียงตลิ่งล่ม งูเหลือมก็เลื้อยงมกินสัตว์เป็นอาหาร พระลูกเอ่ย แม้นเจ้าไปพบพานในพงพี ไหนเลยมัทรีจะมีขวัญ ใช่แต่เท่านั้นเมื่อไรมี ยังหมู่หมีมีฤทธิ์แรงร้ายล้ำ กณฺหาชฏิโน ตัวนี้ฤๅดำดูเรี่ยวแรง แม้นแม่พบเข้าที่กลางแปลงปลอดเปลี่ยวคนจนจวนตัว พระเจ้าผัวก็จะเอาตัวหนี เจ้ามัทรีก็จะอยู่เอกากาย ถึงจะปีนป่ายขึ้นต้นไม้ก็ไม่พ้น จะตบต้นต่ายตะกายกัดพลัดตกลงมา นทีตีเร พระลูกเอ่ย ที่ริมท่าแม่น้ำโสตุมพราเป็นที่แจ้ง กาสรย่อมนอนแปลงอยู่ปละเปลี่ยว เขานั้นเสี้ยมเรียวไปล่แปล้และแหลมดังขนเม่น แม้นเห็นคนด้นเดินไพร ลุกทะลึ่งไล่โลดโดดขวิด เจ้ามัทรีจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียในไพรสณฑ์ ยามนี้ก็หน้าฝนฝูงคนเขาไม่ใคร่เดิน พวกผีก็จะกริ่วเกริ่นเดินผิวปากอยู่อึงมี่ ลิงค่างบ่างชะนีก็โหยไห้ เมื่อจวนใกล้ค่ำย่ำสนธยาเวลาขมุกขมัว พระลูกเอ่ย เร่งรำพึงถึงตัว จะติดตามพระเจ้าผัวไปในกลางป่า บิดานี้เห็นไม่เป็นผล จะแค้นคับอับจนในกลางไพร พระลูกเอ่ย ใครชั่วก็ชั่วไปอย่าเอาใจพะว้าพะวัง เจ้าจงฟังบิดาว่าเถิดนะมัทรี จงอยู่ในบุรีดังก่อนมา ตามคำพ่อว่านี้เถิด
(9) เดิน ปางเมื่อพระมัทรีศรีสมร ได้ทรงสดับสาส์นสุนทรพระบิตุรงค์ นางน้อมพระเกศลงแล้วก็ทูลความ ขึ้น ว่าพระพุทธเจ้าข้า ฝ่าพระบาทตรัสห้ามเกล้ากระหม่อมฉันมัทรี ก็เพราะทรงพระปรานีเป็นที่ยิ่ง พระคุณเอ่ย เห็นว่าลูกนี้เป็นหญิงย่อมทรงพระอาลัย แต่ว่าลูกจะไม่ไปก็ใช่ที่ ด้วยพระราชสามีสิตกไร้ใครเขาไม่อินัง ลูกจะนอนลอยนวลอยู่ในวังไม่บังควร ประชาชนมันจะชวนกันสรวลแซ่ มัทรีไม่รู้ที่จะแลดูหน้าใครให้เต็มเนตร จะสู้จนทนเทวศไปในราวป่า มุญฺชปพฺพชํ อุรสา ลูกจะเอาหัตถ์และพาหาต่างพร้ามีดกรีดทางฟันแฝกคาในป่าพระหิมวาศ มิให้ระคายเคืองเบื้องบาทพระเจ้าผัว อนึ่ง จะอยู่ก็กลัวตัวจะเป็นหม้าย พระคุณเอ่ย เป็นหญิงนี้ยากที่จะไว้จะวางตัว ครั้นจะทำขมุกขมัวมอมแมม ชายเห็นจะเยื้อนแย้มบริภาษให้บาดจิต ครั้นจะบำรุงรูปดัดจริตให้ดีดดิ้น จะผัดหน้าทาขมิ้นสิ้นราคี คำคนมันจะเสียดสีชวนกันค่อนว่า เล่นต่างๆ จนชั้นแต่ว่าผมเหม็นสาบจะเสยสางใส่น้ำมัน กันเก็บไรให้สะสวยก็สาละวอน จะทาแป้งหอมเมื่อยามร้อนก็ค่อนว่า บำรุงรูปกิริยาเที่ยวหาผัว ครั้นเหลือบแลมันก็จะว่าเล่นตัวและเล่นตา ครั้นเดินเฉยไม่เงยหน้า มันก็จะนินทาว่าทำปั้นปึ่ง พระคุณเอ่ย ลูกคิดๆ ถึงตัวแล้วก็ยิ่งเศร้าเสียน้ำใจ ด้วยถ้อยคำคนจะค่อนแคะไค้พิไรว่า ให้เสวยความเวทนาน่าใจหาย วิธวา ชาตา พระคุณเอ่ย อันหญิงหม้ายชายทิ้งขว้างร้างไว้ให้เอกาน่าอดสูใจ ย่อมมีอาลัยในรสรักกำเริบร้อน อกใจมันให้ค่อนๆ จะนั่งนอนก็ไม่หลับสนิท จะกลืนข้าวดังยาพิษติดคออยู่ขื่นขม ทั้งรักทั้งแค้นก็กลืนกลม หน้าชื่นอกตรมไม่ผ่องแผ้ว พระพุทธเจ้าข้า มีผัวเมือนหนึ่งฉัตรแก้วอันกั้นเกศ งามหน้างามเนตรทุกเวลา พระคุณเอ่ย เป็นหม้ายชายหย่าแรกรุ่นจำเริญร่างไม่มีสบาย ดังเพชรรัตน์ร้าวสลายเป็นไฝฝ้า วิกีณิตฺวา ก็ย่อมเยาเบาราคาไม่ขายได้ ผู้ที่จะถือซื้อใส่ก็อายหน้า เหมือนหญิงหม้ายชายหย่าสิ้นอาลัย พระคุณเอ่ย ครั้นจะรีบร้อนมีใหม่ก็ใช่ที่ ถ้าบุญตัวได้ผัวดีที่มีทรัพย์ คนมันก็จะนับถือ จะเลื่องลือระบือทั่ว ปะผัวใหม่ชายชั่วสิซ้ำร้าย จะเข้าชื่อซื้อขายยับระยำ เพื่อนบ้านเขาจะพลอยกันซ้ำ นับวันจะระกำตรมใจตรอม จะชวนหย่าหรือมันก็ไม่ยอม ครั้นจะประนีประนอมก็เครื่องจะเปลืองตัว เป็นสตรีจะหาผัวที่ดีนี้แสนยาก พระคุณเอ่ย เมื่อยามรักเขาก็ว่าไม่จากไม่จากจนตัวตาย หญิงหลงลมชายเพราะหวานชิดสนิทนัก สู้บำเรอรักบำรุงผัวจนตัวยาก ครั้นสิ้นทรัพย์อัปภาคย์ เขาก็ไม่อยากอินังนำพา พาลพาโลโกรธาแล้วด่าตี เป็นสตรีก็จนจิต ตั้งแต่ว่าจะบีบน้ำตาคิดไม่วายวัน พระคุณเอ่ย เกล้ากระหม่อมฉันได้สดับอยู่เนืองๆ ครั้นจะมีผัวก็เครื่องจะเคืองใจ ครั้นจะอยู่ไปเป็นหม้ายก็ตรอมจิต เป็นไม่รู้แห่งที่จะคิดจะปรองดอง เป็นสตรีมีผัวสองไม่ผ่องแผ้วเป็นราคี ต่อที่คนชั่วมันจึงว่าดีไม่บัดสีใจ ผิดชอบคงหาได้ทำไมกับผัว แต่งแต่ตัวไว้ให้รวยระรื่น ขัดขมิ้นไว้ให้เป็นพื้นแป้งผัดหน้า กระแจะจันทน์น้ำมันทาไม่ขาดสาย ร้อนใจอะไรกะชายจะตอมตาม บำรุงรูปไว้ให้งามแล้วก็จะต้องตา พระพุทธเจ้าข้า หญิงอย่างนี้มัทรีไม่เอามาเป็นแบบฉบับ ถึงจะตกระกำระยำยับอัปภาคย์ ไม่ให้ผัวตัวจากแล้วพระทูลกระหม่อม มัทรีนี้จะสู้ถนอมยอมตายกับฝ่าพระบาท จะพิทักษ์ไทธิราชทุกเย็นเช้า จะหาผัวที่ไหนได้ดังพระทูลเกล้า ตายแล้วเกิดเล่าสักร้อยชาติ จะเหมือนพระเวสสันดรจอมปราชญ์นี้ยากนัก ตั้งแต่เกล้ากระหม่อมมาเป็นจอมบริรักษ์ภักดี คำนิดหนึ่งก็มิได้ว่ามัทรีให้อัปยศ สู้ถนอมออมอดโอบอ้อม ควรแลหรือทูลกระหม่อม จะให้ลูกนี้ยอมอยู่ในวังไม่สังเวช จะให้ละพระปิ่นปกเกศของลูกไปในกลางป่า คือใครจะปฏิบัติรักษาก็หามิได้ จะให้ลูกนี้อยู่ในเวียงไชยไอศวรรย์ พระองค์จงฟาดฟันให้เป็นผี นั่นแหละเห็นว่ามัทรีจะไม่ได้ไปตามผัว จะจองจำทารกรรมตัวก็คงจะหลบลี้ ขอพระบารมีทูลกระหม่อมจอมพิภพเวียงไชย เป็นกลดกั้นกันภัยในกลางป่า ผัวเมียก็จะก้มหน้ากราบถวายบังคมลาพากันไป อย่าทรงเป็นห่วงหน่วงหนักพระทัยถึงลูกเลย โอ้พระทูลเกล้าเจ้าประคุณของลูกเอ่ย มัทรีนี้จะนานเห็น พระลูกเจ้าจะตายหรือจะเป็นไม่รู้ที่ ขอพระมิ่งโมลีจงอวยชัย จงประสาทพระพรให้แก่ข้ามัทรี แต่ในกาลครั้งเดียวนี้เถิด
ตมพฺรวิ มหาราชา ฯลฯ อญฺญมญฺญํ ปิยํ วทาติ
(10) เดิน ราชา สญฺชโย ปางเมื่อพระจอมนราธิบดินทร์ปิ่นนิกรประชาชนศรีสญชัย ได้สดับสาส์นสมเด็จพระมัทรีศรีสะใภ้เธอทูลลา ในพระอุราเธอเร่าร้อนระริกระรัว ขึ้น จึงตรัสว่ามัทรีเอ่ย เจ้ารักผัวไม่เชื่อพ่อแล้วหนอพระลูกแก้ว บิดาห้ามไม่ฟังแล้วก็ตามที เมื่อจะอยู่ในบุรีสิว่าไม่งาม จะบุกป่าฝ่าหนามไปตามผัว มัทรีเอ่ย เจ้าไม่คิดถึงกายเสียดายตัวเจ้าบ้างเลย อนิจจาพระลูกเอ่ย ฤๅเจ้าเห็นว่าวาสนาบิดานี้น้อยนัก จะเลี้ยงพระลูกรักนั้นลำเอียง เจ้าจึงจะบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลีกออกจากวัง ชะรอยเจ้าจะชิงชังฟังคำผัวจึงโกรธพ่อ มัทรีเอ่ย สุดที่จะงอนง้อพระลูกแก้ว เจ้าจะไปให้ได้แล้วก็ตามทีพ่อไม่ว่า อิเม เต ทารกา พ่อจะขอแต่สองนัดดาดวงสวาท จะพาไปไยในหิมวาศให้เวทนา จงให้อยู่ในพาราจะได้สืบกษัตริย์ พระพุทธิเจ้าข้า ฝ่าพระบาทตรัสห้ามมาทั้งนี้ ย่อมทรงพระปรานีพระเจ้าหลาน กลัวว่าจะต้องทุกข์ทรมานในหิมเวศ พระเดชพระคุณทั้งนี้เป็นที่สุด ปิยปุตฺตกา นาม พระพุทธิเจ้าข้า ขึ้นชื่อว่าบุตรเป็นที่สุดแสนเสน่หา ถึงจะชั่วช้าประการใดให้สามารถ เป็นหนามเสี้ยนเบียนบีฑาประชาราษฎร์ก็ควรแต่ห้ามเฝ้า อันจะตัดจากลูกเต้านั้นไม่ขาด ถ้าเกล้ากระหม่อมเหมือนใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทก็คงจะตัดได้คล่องๆ ไม่รู้ฤาว่าช้างเผือกขาวผ่องต้องประสงค์ จะสอยดาวสาวเดือนลงถวายได้ แกล้งเสือกส่งจงใจให้ข้าศึก นี่หากว่าชาวเมืองเขาคิดลึกชวนกันทูลความ พระองค์ขับพระเจ้าลูกเสียก็งามต้องตามที่ พระคุณเอ่ย อันสองราชกุมารนี้ไม่มีผิด จะพาลโกรธลูกกะจิริดกระไรได้ ข้ามัทรียังมีอาลัยเป็นล้นพ้น กว่าจะเลี้ยงได้แต่ละคนนี่แสนยาก ทูลกระหม่อมจะมาพรากไปจากอก ดังจะหยิบยกเอาดวงใจไปจากกาย กระหม่อมฉันจะขอลาพาพระหลานหญิงชายไปไว้ชมเชย โอ้พระทูลเกล้าของพระลูกเอ่ย มัทรีนี้ไม่รู้เลยที่จะเอาอันใดมาอ้างอิง เป็นลูกเต้าเล่าก็จริงแต่จนจิต อันสองกุมารนี้ไม่เป็นสิทธิ์แก่เกล้ากระหม่อม มัทรีนี้ไม่รู้ที่จะยินยอมยกถวาย จะสู้รับสารภาพตายด้วยอาญา ขอแต่สองกุมารพาไปเป็นเพื่อนตัว อนึ่งจะวางใจข้างพระเจ้าผัวก็ใช่ที่ เกลือกว่าโรคาไข้สิ่งไรมี จะได้ใช้พ่อชาลีแม่กัณหา อมยาพ่นฝนยาทาตามประสาจน พระพุทธเจ้าข้า ใช่พระองค์จะไร้ญาติขาดคนเมื่อไรมี ลูกน้อยนิดหนึ่งเท่านี้จะทำอะไรได้ ถึงจะเลี้ยงไว้เวียงไชยก็คงจะขายพระบาทา สอนหล่อนก็ยากปากหล่อนก็กล้าระอาใจ วาสุกรีฤๅจะไร้ซึ่งพิษเขี้ยว ชาวเมืองก็จะโกรธเกรี้ยวพาโลไล่ขับให้อัประมาณ ขับพระเจ้าลูกแล้วสิมิหนำยังจะซ้ำพระหลานลงเป็นสอง จะเลื่องลือระบือก้องทุกค่ำเช้า พระคุณเอ่ย ได้ตัดต้นโค่นเง่าแล้วจงทึ้งถอน จะอาลัยอาวรณ์ไปไยมี พระเจ้าหลานหรือจะดีกว่าโอรส แต่ลูกในไส้ยังคิดคดดูเวทนา โอ้พ่อชาลีกัณหาของแม่เอ๋ย จะนั่งเฉยอยู่ไยเล่าฟังแม่ว่า จงบังคมพระอัยกาทูลลาเถิดจะได้ไป แม่กัณหาอย่าร้องไห้จะมัวหมอง พ่อชาลีช่วยทูลแทนพระน้องทีเถิดสินะพ่อ จะเซ้าซี้รีรออยู่ว่าไร เจ้าจะยอมอยู่หรือแม่จะได้ไปจงชั่งใจให้จงดี พระลูกเอ่ย ไม่ควรคู่กับบุรีแล้วนะพระลูกรัก อย่าใฝ่สูงให้เกินศักดิ์ใช่สุริยวงศ์ โกกิลาหรือจะฝ่าเข้าฝูงหงส์ใช่พงศ์พันธุ์ พระลูกเอ่ย เอาแต่ป่าไม้ไพรวันเป็นเรือนตาย จงสู้จนทนอายไปภายหน้า เห็นว่าจะดีกว่าอยู่ในพระพารา จงฟังคำแม่ว่านี้เถิด
(11) เดิน ราชา สญฺชโยปางเมื่อพระทูลกระหม่อมจอมนราธิบดีศรีสญชัย ได้สดับสาส์น พระมัทรีศรีสะใภ้ทูลพิไรร่ำ ด้วยถ้อยคำอันเสียดสีสุดที่จะรำพัน ให้อ้ำอึ้งตึงตันพระทัยนัก แล้วเบือนพระพักตร์ไม่ทัศนา ขยับอุ้มพระนัดดาขึ้นวางตัก จุมพิตพักตร์แล้วทรงพระกรรแสงไห้ ขึ้น ว่าโอ้สองทรามวัยของอัยกา เจ้าจะนิราศร้างพระพาราไปแรมไพร จะอดอยากลำบากใจในกลางป่า สาลีนโมทนํ ภุตฺวา พระหลานเอ่ย เคยเสวยข้าวสาลีมีรสหอม พร้อมด้วยสูปพยัญชนะถ้วนถี่ พระพี่เลี้ยงนั่งชี้เชิญให้ทั้งสองเสวย อนิจจาพระหลานเอ่ย จะไปเสวยแต่มูลมันอันขื่นขม พระหลานเอ่ย เคยบรรทมเหนือพระยี่ภู่พระอู่ทอง เหล่าพี่เลี้ยงเคียงประคองขับกล่อมทุกเวลา รุกฺขมูลสฺมึ สยนฺตา ตั้งแต่นี้พระนัดดาเจ้าจะบรรทมใต้ร่มพฤกษาชาติ จะต้องน้ำค้างเย็นกระเซ็นสาดพระวรกาย กัณหาเอ่ย แม่เคยสรงกระแสสายในอ่างแก้ว พี่เลี้ยงนั่งเป็นแถวถวายเครื่องสุคนธ์อันปนปรุง โอ้แต่นี้พ่อชาลีจะจูงมือแม่กัณหา ลงสระสรงซึ่งคงคาในท้องธารละหานหิน น้ำก็เย็นเหม็นกลิ่นจอกกระจับ บวรกายจะย่อยยับด้วยเหลือบยุง พระหลานเอ่ย ใครเลยจะบำรุงโบกปัดพัดกระพือในกลางป่า กาสิยานิ ปธาเรตฺวา เจ้าสิเคยทรงผ้ากาสิกพัสตร์พรรณราย ดอกดวงเด่นกระจายด้วยลายทอง แต่นี้จะเอาใบไม้มากรองรองทรง จะระคายคันองค์ดูอนาถ กัณหาเอ่ย เคยประพาสในสวนศรี ชมสระโบกขรณีในสวนขวา หักฝักประทุมาอุบลบาน พร้อมด้วยเพื่อนกุมารตามอยู่สะพรั่ง พระหลานเอ่ย เคยเล่นในวังเสียงอึงมี่ ลากโคถึกมฤคีรูปปั้นอันบรรจง ใส่ล้อกลิ้งวิ่งวงแล้วทรงพระสรวล พรุ่งนี้เช้าเจ้าจะชวนกันเดินในดงดอน จะกรำฝนทนร้อนทุกเวลา สงสารสองนัดดาดวงสมร เดินเหนื่อยหน่อยก็จะอ้อนให้แม่อุ้ม จะร้องไห้ฟักฟูมในกลางทุ่ง เขาอุ้มเหนื่อยเขาก็จะจูงให้เจ้าเดิน จะระหกระเหินแม่จะเดินยังนับย่าง บาทาเจ้าก็บอบบางแต่จะย่างก็ลุกล้ม ปู่นี้ปรารมภ์ดังเลือดตาจะหลั่งไหล พระหลานเอ่ย ปู่นี้จะใคร่ได้เจ้าไว้เชยชม หม่อมแม่เจ้าเอาแต่คารมมาทานทัด ปู่เป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนได้ ใช่ว่าอัยกาจะไม่รักใคร่เมื่อไรมี ตรัสพลางจูบพระชาลีแก้วกัณหา แล้วยกพระนัดดาลงจากตัก เธอก็ซบพระพักตร์ลงทรงพระพิลาป พระอัสสุชลนัยน์ไหลอาบพระพักตรา มิใคร่จะดูหน้าพระหลานได้ เธอก็ทรงพระกรรแสงไห้ร่ำรักสองกุมารา อยู่บนแท่นที่ไสยานั้นแล ฯ
(12) เดิน เวสฺสนฺตโร ราชา ปางเมื่อพระจอมมกุฎวิสุทธิพิเศษเวสสันดร อีกทั้งเอกองค์มหิศรสุนทรยอดกัญญาหญิง คือพระวิมลมิ่งแม่มัทรี กับพระชาลีแก้วกัณหา ชวนกันกราบถวายบังคมลาพระบิตุเรศ เสด็จยังนิเวศน์พระชนนี กษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ก็ทรงพระโศกา พระเวสสันดรเธอจึงทูลลา ขึ้น ว่าพระพุทธเจ้าข้า ข้าแต่พระจอมอิศราอันเรืองศรี พระชนนีของลูกแก้ว ลูกจะทูลลาแล้วพระทูลกระหม่อม เคยถนอมลูกมาแต่เยาว์จนคุ้มใหญ่ หวังพระหฤทัยจะฝากผี โอ้พระชนนีของลูกแก้ว นับวันลูกจะไกลแล้วจากนิเวศน์วัง พระมารดาอยู่ข้างหลังจะประชวรโรคาไข้ ถึงสู่สวรรค์ครรไลย ก็ที่ไหนจะได้ถวายพระเพลิงพระชนนี ลูกจะบุกป่าพนาลีไปไกลเนตร ลูกจะทรงบรรพชาเพศบำเพ็ญผล จะแผ่เพิ่มเติมกุศลส่งมาทุกค่ำเช้า โอ้พระปิ่นปกเกล้าของลูกเอ่ย อย่าเศร้าเสียพระทัยเลยถึงลูกแก้ว ได้เลี้ยงลูกมาแล้วเอาแต่บุญเถิดนะพระทูลกระหม่อม ทูลพลางเธอก็น้อมพระเศียรซบแทบพระบาทพระชนนี เดิน สมเด็จพระผุสดีพันปีหลวง เธอก็ค่อนพระทรวงทรงพระโศกา ขึ้น จึงตรัสว่าโอ้อย่าอาวรณ์ พ่อเวสสันดรของแม่เอ่ย อย่าท้อแท้พระทัยเลยฟังแม่ว่า ชะรอยว่ากรรมได้ทำมาแต่ก่อนแล้ว พระลูกแก้วจึงมาจากพระชนนี พระลูกเอ่ย อุตส่าห์ถนอมเลี้ยงพ่อชาลีแม่กัณหาอย่าให้อนาทร ยามแดดลมระงมร้อน อย่าพาลูกอ่อนเดินจะเจ็บไข้ เย็นย่ำค่ำอย่าไปจงหยุดหย่อน ผลัดกันนั่งนอนรักษาลูกอย่าละเลย อนิจจาพระหลานเอ่ยไม่เคยยาก จะมาได้ความลำบากแต่น้อยๆ ดังว่าเลือดตาย่าจะหยดย้อยลงลามไหล พระหลานเอ่ย ยังน้อยนักทรามรักใคร่ไม่วายนม ย่านี้เคยได้เชยชมทั้งสองศรี จะจากอกอัยกีไปสู่ป่า กัณหาเอ่ย เงยหน้าเถิดนะย่าจะสอน เจ้าอย่าอ้อนไปนะเขาจะตี พ่อชาลีอย่าเย้าน้องให้ร้องไห้ อปฺปมตฺตา พ่อเอ่ย อย่าได้ประมาทใจ จงทรงพรตตามวิสัยเพศบรรพชา แม่มัทรีจะศรัทธาบวชด้วยผัวหรือพระลูกแก้ว เออก็ดีแล้วพระลูกรัก อุตส่าห์สามิภักดิ์ตามประเพณี จะได้เป็นสวัสดีศรีศุภสถาผล เจ้าจงเจริญพระชนม์ทุกคืนวัน อุตส่าห์ปกป้องครองกันอย่าฉันทา จงปราศจากโรคาสถาวร พระพรนี้แม่ให้จงประสิทธิ์ทั้งสี่กษัตริย์ จงเป็นสุขสโมสรโสมนัสทุกเวลา ในประเทศราวป่านั้นแล
(13) เดิน จตฺตาโร ขตฺติยาปางเมื่อกษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ทรงพระโศกา ตั้งแต่เวลาปฐมยามเสวยความเวทนา จนเวลาอรุณรังสีทิพากร ฝ่ายพระเวสสันดรจอมกษัตริย์ จึงตรัสสั่งชาวพนักงาน ให้เบิกอลังการแก้วแหวนอันสุกสด บรรทุกใส่ในราชรถแก้วแล้วให้ประทับกับเกยมาศ สมเด็จพระบาทบรมบพิตรพิชิตโมลี ชวนกษัตริย์ทั้งสามพระองค์เข้าสู่ที่สรงเสร็จสรรพ ทรงพระภูษาอาภรณ์ทาบทับประดับเพชรพรรณราย ส่องพระฉายผัดพระพักตราทรงมหามงกุฎ จับพระขรรคาวุธถือธนูคู่พระหัตถ์ สี่กษัตริย์เสด็จดำเนินลงจากพระตำหนักจันทน์
ฝ่ายนางบริรักษ์นักสนมกำนัลพระญาติประยูรวงศ์ตามส่งเสด็จ บ้างก็เดินเช็ดน้ำตา พากันโศกเศร้าโศกาให้อาวรณ์ สมเด็จพระเวสสันดรทรงผินพระพักตร์มาตรัสสั่ง ขึ้น ว่า อามนฺต โข ตํ เราขอบใจท่านทั้งปวง อย่าเป็นห่วงไห้สะอื้น ชวนกันกลับคืนเข้าตำหนักจันทน์อันบรรจง เราขอฝากพระบิตุราชมาตุรงค์ทั้งสองศรี สั่งแล้วกษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ขึ้นทรงราชรถทอง เดิน ฝ่ายสินธพเรืองรองผยองย่างอย่างพยศ ชักราชรถออกจากทวารวัง เสียงกงกำก็กึงกังดังก้อง ดังจะเลื่อนลอยล่องด้วยกำลังม้า ฝูงสหชาตโยธาถวายบังคมบรมจักราธิราช มนตรีสี่อำมาตย์ราชนิกูลส่งเสด็จทุกกระทรวง เหล่ายาจกนั่งตามถนนหลวงเนืองแน่น ท้าวเธอโปรยแก้วแหวนให้เป็นทานทุกถ้วนหน้า จึงสั่งสหชาตโยธาให้กลับคืนเข้าพระนคร สมเด็จพระเวสสันดรบวรนราธิเบศร์ จะใคร่ทอดพระเนตรสั่งพระพารา ฝ่ายอัสดรมิ่งม้าก็กลับหน้าพิชัยราชรถต่อพระบุรี ด้วยเดชะพระบารมีบรมโพธิสัตว์ หน่อพระชินสีห์จึงตรัส ขึ้น ว่าดูกรเจ้ามัทรี อุตฺตโม วาโส พระน้องเอ่ย จงดูที่สถิตแห่งสมเด็จพระบิตุรงค์มาตุราช เสียดายเอ่ย แต่ปรางมาศปราสาทสุวรรณอันสดสุก จตุรมุขประดับดวงมณีรัตน์ชัชวาล รูปครุฑตระหง่านทะยานเหยียบวาสุกรีทั้งสี่ทิศ เสียดายเอ่ย แต่พระที่นั่งรังสฤษฏ์สูงอันรุ่งเรือง เราเคยนั่งแขกเมืองหมอบถวายบังคมคัล เสียดายเอ่ย แต่เรือนจันทน์พรรณราย ตั้งแต่นี้จะห่างหายไปแลลับ พระพาราเจ้าเอ่ย ที่ไหนเลยเราจะได้กลับมาแลเห็น จะไปเหงาเงียบเยียบเย็นอยู่ป่าชัฏ ท้าวเธอตรัสแล้วก็ชักพิชัยรถแก้วหันกลับมากลางทาง
เดิน จตฺตาโร พฺราหฺมณา ยังมีพราหมณ์ชราร่างสี่คนวิ่งตามมา ร้องทูลขออัสสวราม้ามรกต ท้าวเธอก็เปลื้องจากราชรถให้เป็นทาน งอนแอกรถก็บันดาลไม่ตกลง ฝ่ายเทพเจ้าทั้งสี่พระองค์ทรงกำลัง นฤมิตเป็นละมั่งทองเข้ารองแอกแบกรถไว้
ยังมีพราหมณ์เข็ญใจผู้หนึ่ง ครั้นมาถึงทูลขอรถแก้ว ท้าวเธอก็มอบให้หมดทุกสิ่งของ เทพเจ้าละมั่งทองก็อันตรธาน หน่อพระพิชิตมารจึงตรัสว่า ขึ้น ดูกรเจ้ามัทรี พี่จะอุ้มบุตราพ่อชาลี เจ้าจงอุ้มบุตรีแก้วกัณหา ลหุกา ฝ่ายจะเบากว่าพ่อชาลี กษัตริย์ทั้งสี่ก็ทรงโสมนัสสา พากันเสด็จดำเนินมา ตามสถลมรรคานั้นแล
ทานกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ ฯ
ประดับด้วยพระคาถา ๒๐๙ พระคาถา
เอวํ ก็มีด้วยประการดังนี้แล ฯ
(ปี่พาทย์ทำเพลงพระยาโศก)