กัณฑ์ที่ ๑๒ ฉกษัตริย์ ๓๖ พระคาถา
พระมหาสม สุทฺธิปภาโส
ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดหลักสี่ พระอารามหลวง
พระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
--------------------------
ชาลีกุมาโร ปิ มุจลินฺทสรตีเร ขนฺธาวารํ นิวาสาเปตฺวา จตุทฺทสรถสหสฺสานิ อาคตมคฺคาภิมุขาเนว ฐปาเปตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ ปเทเส สีหพฺยคฺฆทีปิขคฺคาทีสุ อารกฺขํ สํวิทหิ ฯ หตฺถิอาทีนํ สทฺโท มหา อโหสิ ฯ
(1) ขึ้น ชาลีกุมาโร ปิ แม้อันว่าพระชาลีศรีสุริยราชวงศ์ เมื่อดำเนินพหลจัตุรงค์เป็นกระบวนหน้า นำเสด็จสมเด็จพระอัยกามกุฎกรุงกษัตริย์ อันเสวยศวรรยาธิปัตย์ปิ่นประชาชาวพิไชยเชต เมื่อถึงมุจลินทประเทศโบกขรณี จึงให้ยับยั้งพยุหโยธีตั้งตำหนักทัพ รับเสด็จสมเด็จพระอัยกา แล้วให้ตรวจตรากันตั้งค่าย ช้างม้ารายเป็นกันกง พลทหารล้อมวงเป็นหลั่นๆ เพื่อจะป้องกันสรรพภัยพาฬมฤคจัตุบท แล้วให้พลราชรถเรียบเรียงเบี่ยงบ่ายหน้าต่อพระพิไชยเชตุดร เสียงหัยรถคชแสนยากรนี่สนั่น สะเทื้อนสะท้านถึงเขตขัณฑ์คิรียวงกต
มหาสตฺโต ส่วนสมเด็จพระยอดประยูรยศขัตติยวงศ์ พระโสตทรงสดับศัพทสำเนียงเสียงพิลึกล้ำกัมปนาท สะดุ้งพระทัยไหวหวาดว่าราชปรปักษ์ ชะรอยจะยกมาหาญหักชิงพิภพรบพระนครสีพี แล้วพิฆาฏฆ่าสมเด็จพระบรมชนกาธิบดีให้ดับชีพ จึงยกพหลเร็วรีบมาตามติด หวังจะประหารผลาญพระชนมชีวิตอาตมะเสียกระมังในครั้งนี้ จึงพาพระเอกอัครมหิษีสุนทรเทพกษัตริย์ขัตติยนาเรศ ขึ้นสู่ศิงขรประเทศซ่อนพระองค์ แล้วก็ทอดพระเนตรดูนิกรจัตุรงคราชเสนาในสถานที่นั้นแล
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
เตสํ สุตฺวาน นิคฺโฆสํ ฯลฯ ทฬฺหํ กตฺวาน มานสนฺติ
(2) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรอินทรีย์ สมเด็จพระมิ่งโมลีโลกุตมาภิเศก เอกอัครมกุฎวิสุทธิสรรเพชญ์พงศ์ จึงตรัสแก่พระยอดเยาวอนงค์องค์อัคเรศราชนารี ขึ้น ว่า ดูกรเจ้าผู้ทรงศรีสุนทรลักษณวิลาสเลิศ โน่นแน่ทิวแถวทวนธงเทิดทิฆัมพร เสียงหัยรถคชแสนยากรนี้ก็ก้องกึกพิลึกลั่น สะเทือนท้องพระหิมวันต์เพียงจะพังพินาศ หมู่พหลพยุหบาตรกระบวนพล ดูนี่เกลื่อนกล่นกลาดพนาเวศ ดุจหนึ่งคลื่นในสมุทรสาคเรศบ่รู้กี่โกฏิ มิคสงฺฆานิ ลุทฺทกา มัทรีเอ่ย เราทั้งสองนี้โสดเสมอเหมือนมฤคมาศ อันหมู่พเนจรใจฉกรรจ์กาจชวนกันมากั้นกาง วางข่ายรายปกไว้ทุกช่อง มีมือถือตะบองแบกหอกและแหลนหลาว ร้องป่าวกันให้เร่งเลือกสรรเอาแต่ตัวพี แล้วก็ไล่ต้อนตีให้ลงหลุมรุมกันทิ่มแทงให้ถึงชีวิตอันตราย อกเราทั้งสองในครั้งนี้นี่ก็หมายเหมือนฉะนั้น นี่เนื้อแท้ว่ากรรมมาตามทันจึงต้องเนรเทศ ให้นิราศนคเรศมาอยู่ไพร แล้วยังมิพ้นภัยหมู่อรินราช เราทั้งสองนี้ก็จะพินาศเสียเป็นมั่นคง ในพนัสแดนดงนี้แล้วแล
(3) เดิน สมเด็จพระมัทรีศรีวิสุทธิกษัตริย์รัตนราชกัญญา เมื่อสดับสาส์นพระภัสดาอดุลเดช นางท้าวเธอก็ทอดพระเนตรนิกรแสนเสนี ก็ทราบว่าพลชาวพระนครสีพีแน่ตระหนัก จึงทูลพระจอมปิ่นปักอัครนเรศร์ หวังจะให้บรรเทาอุทัจเหตุในพระราชหฤทัย ขึ้น ว่า พระพุทธเจ้าข้า พระองค์อย่าได้สงสัยในพระบารมี พระร่มเกล้าจะได้ตรัสแก่พระสร้อยศรีสรรเพ็ชญ์โพธิญาณ จะข้ามขนสัตว์ให้พ้นโอฆกันดารจตุรปาเยศ ลุสิวาลัยนคเรศระงับภัย ถึงแม้นมาตรว่าปัจจามิตรหมู่ใดจะประทุษร้าย ก็จะพินาศฉิบหายพ่ายแพ้พระบารมี อคฺคีว อุทกณฺณเว ดุจดังอัคคีอันน้อยนิดหนึ่งนั้นหรือจะเผาผลาญ ซึ่งมหรรณพนทีธารให้เหือดแห้ง กระแสสินธุ์ก็จะดับแสงให้เสื่อมศูนย์ สิ้นฤทธิ์เรืองจำรูญระเริงร้อน พระองค์สิทรงพระคุณดังขุนศิขรเขาสิเนรุราช ผู้ใดใครหรือจะอาจให้เอียงเอนอันตรายได้ จงดำรงพระหฤทัยดำริก่อน เห็นจะสมดังอุดมอัษฎาพรบ่เพี้ยนผิด อันสมเด็จพระบรมสุราฤทธิ์ประสิทธิประสาท ชะรอยจะเป็นทัพพระบิตุราชออกมารับเสด็จ พระบรมหน่อสรรเพชญ์คืนพระนคร
(เดิน) ครั้นท้าวเธอทรงสดับก็หายอาวรณ์วางเทวษ จึงพาพระเอกอัคเรศราชกัญญา เสด็จคืนพระบรรณศาลาทรงสถิต ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ มีพระกมลสมาธิจิตมิได้กัมปนาท ดุจหนึ่งสุวรรณปฏิมามาศอันบุคคลหล่อแล้วมาตั้งไว้ ในหน้าพระอาศรมนั้นแล
ตมตฺถํ ปกาเสนโต สตฺถา อาห
นิวตฺตยิตฺวาน รถํ ฯลฯ อโถ วุฏฺฐิ น ฉิชฺชตีติ
(4) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิญาณ ส่วนสมเด็จพระจอมภพผู้ผ่านพระนครสีพี ศรีสญชัยนราธิวิลาส ว่าเราจะเข้าไปสู่สำนักพระโอรสาธิราชพร้อมกัน ก็จะบังเกิดเศร้าแสนศัลย์กำสรดโศก ด้วยอัญญมัญญวิโยคยายี ตัวของพี่นี้จะเข้าไปก่อน เจ้าจึงบทจรเข้าไปตามต่อภายหลัง แล้วให้สองกุมารรอรั้งอยู่สุดท้าย จึงค่อยผันผายผ่อนกันเข้าไปเป็นลำดับ แล้วท้าวเธอก็ให้กลับทัพประเทียบพล บ่ายหน้าคืนพระนครมณฑลสกลอาณาเขต จึงเสด็จลงจากพระคชาธเรศราชกุญชร ขึ้น ทรงสะพักภูสิตาภรณ์เฉวียงพระอังสะ ประณมพระกรลีลาแลวิลาส แวดล้อมด้วยหมู่ภิมุขมาตโยดม ยุรยาตรยังพระอาศรมศักรทัตติเยศ ด้วยจะอภิเษกสองขัตติยาธิเบศร์บรมวงศ์ ให้สืบเสวย
มไหศุรยดำรงราชอาณาจักร เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระลูกรักมีพระทัย อันทรงประพฤติพรหมพิสัยอิสีเวส ดุจองค์สมเด็จกมเลศอันลีลาศ ลงมาจากพิภพสุทธาวาสบวรพิมาน พระอาการกายจิตวิเวก ทรงสังวรสัลเลขสละกาม กอปรด้วยมารยาทเสงี่ยมงามเงื่อนอริยพงศ์ เมื่อสองกษัตริย์ศรีสุริยวงศ์ทอดพระเนตร เห็นสมเด็จบรมนเรศราชบิดร ก็กระทำปัจจุคมนาการชุลีกรกราบลงกับฝ่าพระบาท ท้าวเธอก็ยกพระหัตถ์ปรามาสเหนือพื้นพระขนองสองกษัตรา แล้วสรวมกอดพระสร้อยสุณิสาศรีสุริโยรส ประทับแทบพระอุระระทดทอดถอนพระหฤทัย พลางจุมพิตพระเกศจุไรรำพันพิลาป พระอัสสุชลนัยน์นี้ก็มาไหลอาบพระพักตรา จึงตรัสว่าโอ้อนิจจาๆ เจ้าพ่อเอ่ย กระไรเลยช่างมาตกยาก มิควรเลยจะเสวยทุกข์ลำบากถึงเพียงนี้ เดิน แล้วต่างพระองค์ก็ทรงพระโศกีกำสรดโศก ด้วยอัญญมัญญวิโยคเมื่อยามนั้น ครั้นระงับดับโศกศัลย์แล้ว ก็ตรัสปฏิสันถารถามถึงทุกข์ภัยพยาธิ ว่า ขึ้น กจฺจิ โว กุสลํ ปุตฺต พระลูกเอ๋ย ยังค่อยเสวยสุขนิราศโรคันตราย ทั้งเหลือบยุงริ้นร่านไม่ราวีเลี้ยงพระชนมชีพสะดวกดีอยู่ดอกหรือพระลูกแก้ว ทั้งเหล่าทีฆชาติมิได้มีมาวี่แววเบียดเบียน วเน พาฬมิคากิณฺเณ ในพระหิมเวศนี้ก็ย่อมอาเกียรณ์ไปด้วยพาลจัตุบาท ยังมีมาย่ำยีถึงบริเวณพระอาวาสบ้างหรือว่าหามิได้
พระลูกท้าวเธอก็ตรัสขานไขคดีทูล ว่าข้าแต่นเรนทรสูรสมมติเทเวศร์ ผู้เป็นปิ่นปกเกศพิภพสีพี ชีวิตข้าพระบาททั้งสองนี้พระพุทธเจ้าข้า กสิรา ได้แต่ความลำบากยากแค้นแสนกันดาร ด้วยแสวงหามูลผลาหารมาเลี้ยงกัน เป็นนิจนิรันดร์ไม่เว้นวาย พระคุณของลูกเอ๋ย จักเสวยความสุขสบายมาแต่ไหน มีแต่ความลำเค็ญเข็ญใจนี้มาเพิ่มพูน ดูนี่ก็เสื่อมสูญเสียขัตติยเพศ ทั้งพระเกียรติยศศักดาเดชนี้ก็เหือดหาย ทเมตฺยสฺสํว สารถิ ดุจหนึ่งดุรงคราชร้ายแรงพยศ อันนายสารถีกระทำให้รันทดถอยกำลัง ก็เหมือนพระลูกจากนิเวศน์เวียงวังมาอยู่ไพรไกลฝ่าพระบาท สมเด็จพระบรมชนกนาถราชมารดา ได้แต่ทุกข์เวทนาตระตรากตระตรำ พระสรีระรูปนี้ก็มาซูบคล้ำหม่นหมอง ทั้งพระฉวีวรรณที่ผุดผ่องนี้ก็เผือดผิด ทุกสิ่งสรรพจะวิปริตกว่าแต่ก่อนกาล
เดิน เมื่อท้าวเธอจะถามข่าวสองกุมารดรุณหน่อนเรศ ก็ทูลเสนอประพฤติเหตุขึ้นดังนี้ ขึ้น ว่า พระพุทธเจ้าข้า ได้ทรงโปรดเกล้าเกศีข้าพระบาท ยังได้ทราบสาส์นพระบรมนัดดานาถทั้งสององค์ พระลูกรักนี้ก็มาปลดปลงปลิดออกจากอกยกให้เป็นทาน แก่พราหมณ์พฤฒาจารย์ผู้หนึ่ง มันหรือช่างเคียดขึ้งมาโบยตี ดุจหนึ่งว่าทาสกรรมกรทาสีอันช่วงใช้ เจ้าจะตกไปแห่งหนตำบลใดนี้ก็ไม่ทราบเลย พระคุณของลูกเอ่ย สงสารด้วยดรุณหน่อกษัตริย์ พราหมณ์มันทำโพยเป็นสาหัสไม่ปรานี คาโวว สุมฺภติ ดุจนายโคบาลอันต้อนตีซึ่งโคฝูง มันผูกข้อพระหัตถ์มัดจูงไปต่อหน้า ลูกนี้ก็ได้แต่อาดูรด้วยพระนัดดาไม่เว้นวาย พระร่มเกล้าจงตรัสบอกบรรยายยุบลเหตุ ให้บรรเทาทุกข์เทวษในกมลจิต สปฺปทฏฺฐํว มาณวํ ดุจมาณพอันอสรพิษพิฆาตขบ ให้ล้มสลบสิ้นสมปฤดี มีบุคคลปรานีนำเอาทิพยโอสถ มาลูบไล้ให้หายหมดไม่ม้วยมอด รอดชีวิตคืนฟื้นได้อัสสาสปัสสาส ก็เหมือนหนึ่งทรงพระกรุณาข้าพระบาทในครั้งนี้
เดิน จึงตรัสว่า อันสองกุมารกุมารีหลานรักราช ซึ่งเจ้าทรงประสาทให้เป็นทาน พระบิดานี้ก็ไถ่ธอาจารย์ด้วยพระราชทรัพย์สำเร็จแล้ว เจ้าจงผ่องแผ้วพูนภิรมย์ อย่าเดือดร้อนเกรียมกรมกมลโศก ท้าวเธอทรงสดับก็ระงับที่ทุกข์วิโยคค่อยเบิกบาน จึงกราบทูลปฏิสันถารถามพระบิตุเรศ ขึ้น ว่า กจฺจิ นุ ตาต กุสลํ ทุกวันนี้พระปิ่นปกเกศมกุฎประชา ยังค่อยเสวยสุขหรรษานิราศโรค สิ่งสรรพทุกข์โศกไม่ยายี ทั้งองค์สมเด็จพระชนนียังมีพระกมลสุข บำราศสิ่งสรรพทุกข์บ่บีฑา ยังค่อยบรรเทาที่ทรงพระโศกาถึงข้าพระบาท ทั้งพระจักษุโรคาพาธนี้ก็ไม่แผ้วพาน กจฺจิ อโรคํ โยคฺคนฺเต อนึ่งทั้งเหล่าจตุรงคโยธาหาญทุกหมู่หมด ม้ามิ่งมงคลคชคเชนทร ทั้งเสนาประชากรนี้ก็ยังค่อยเกษมสุข ปราศจากสรรพพยาธิทุกข์ถ้วนทุกคน อนึ่งทั้งฟ้าฝนนี้ก็ตกตามฤดูกาล สรรพสิ่งธัญญาหารในอาณาเขต ยังค่อยบริบูรณ์อยู่ทั่วทุกประเทศหรือ พระพุทธเจ้าข้า
เดิน ท้าวเธอก็มีพระบัญชาตอบพระปิโยรส ว่าสิ่งซึ่งเจ้าถามนั้นก็บริบูรณ์ดีอยู่หมดไม่อันตราย ทั้งไพร่ฟ้าประชาชนทั้งหลายไม่เดือดร้อน พ่อผู้โอรสของบิดรจงทราบสาส์น ในกาลบัดนี้เถิด
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
อิจฺเจว มนฺตยนฺตานํ ฯลฯ ถนธาราภิสิญฺจถาติ
(5) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรสิกขา เมื่อสองกษัตริย์ตรัสสนทนาในพระราชปฏิสันถาร ขณะนั้นสมเด็จพระผุสดีศรีวิมลมาลย์มกุฎอนงค์ จึงทรงพระดำริว่า ปานฉะนี้ สองกษัตริย์จักเสื่อมโศกีกำสรดโศก ซึ่งทุกข์วิโยคอันรุ่มร้อน ควรอาตมจะบทจรสู่พระอาศรมบท นางท้าวเธอก็เสด็จด้วยดิเรกยศอย่างขัตติเยศ แวดล้อมด้วยแสนสาวสุภลักษณ์นาเรศราชกำนัล เสด็จถึงขอบคันขัตติยาวาส ถอดฉลองพระบาทบทจรลี
ขึ้น ส่วนสองกษัตริย์ทอดพระเนตรเห็นพระผุสดีราชมารดา ก็เสด็จออกกระทำปัจจุคมนาน้อมพระเกศ ถวายทศนัขประณตบทวเรศราชชนนี
ขณะนั้นพระกัณหาชาลีบรมนัดดานาถ ก็แวดล้อมด้วยอเนกกุมารราชบริพาร เสด็จถึงอาศรมสถานทิพยนิเวศน์
ส่วนพระมัทรีได้ทอดพระเนตรเห็นพระลูกเจ้าทั้งสององค์ มิอาจที่จะดำรงพระสรีรกาย ให้ระส่ำระสายเสียวสั่น หวั่นๆ พระทรวงทรงพระกรรแสง เสด็จแล่นจนสุดพระแรงไม่รอรั้ง วจฺฉา พาลาว มาตรํ เสมือนหนึ่งแม่โคนมอันนิราศบุตร ครั้นเห็นลูกแล้วก็แสนสุดกำสรดเทวษ สมเด็จพระอัคเรศราชกานดา มีพระสกลกายานี้ก็กัมปนาท ดุจแม่มดอันปีศาจเข้าสู่สิง ส่วนสองกุมารก็วางวิ่งเข้ากอดพระชนนี สามกษัตริย์ก็ทรงพระโศกีรำพันพิลาป จนถึงซึ่งวิสัญญีภาพสลบลง ดูนี่ก็น่าพิศวงสังเวช ขีรธารา อันว่ากระแสรสวาเรศขีโรทก ก็ไหลตกออกจากพระเต้าเข้าในคลองพระโอษฐ์สองกุมารา ผิว่าพระชาลีกัณหามิได้เสวยขีรวารีรส พระหฤทัยก็จะระทวยระทดเหือดแห้งหาย นสฺสึสุ ก็จะวอดวายวางพระชนม์ชีวิต ส่วนสมเด็จบรมบพิตรเพศยันดร เมื่อทอดพระเนตรเห็นสองบังอรอัครปิโนรส ก็ทรงพระกำสรดสิ้นสมปฤดี ทั้งสมเด็จพระอัยกาอัยกีก็กรรแสงสุดแสนพิลาป จนถึงวิสัญญีภาพทั้งหกพระองค์ เดิน บรรดาพวกพหลจัตุรงคราชมนตรี ทั้งแสนสาวพระสนมนารีนิกรกำนัล ก็ชวนกันโศกศัลย์ล้มสลบซบเศียรสังเวช สิ้นทั้งบริเวณจังหวัดศักรทัตติเยศขัตติยาศรม เปรียบปานประหนึ่งว่ากำลังลมยุคันตวาต อันพัดสาลวันให้ล้มเนรนาทเป็นมหัศจรรย์
ขึ้น ขณะนั้น ก็บังเกิดโกลาหลทั่วสกลกำเริบรอบ สะท้านสะเทือนถึงเขตขอบจักรวาล พื้นพสุธาธารนี้ก็มากัมปนาท ตลอดถึงพิภพสุทธาวาสอันสูงสุด สาคโร ทั้งพระมหาสาครสมุทรก็ตีฟองนองละลอก กระทบกระทั่งฝั่งกระฉอกฉะฉาดฉาน สิเนรุปพฺพตราชา ทั้งขุนเขาพระ หิมพานต์สัตตภัณฑสิเนรุราช ก็น้อมยอดอย่างจะอภิวาทพระบารมี เดิน สกฺโก เทวราชา ส่วนสมเด็จวชิรปาณีมกุฎเทเวศ ทรงพระอาวัชชนาการก็ทราบเหตุแห่งมหัศจรรย์ จึงบันดาลห่าฝนโบกขรวัสสันต์วัสสิกธารา ให้ตกลงในที่ชุมนุมขัตติยวงศาทั้งหกกษัตริย์ ก็ค่อยบรรเทาที่ทุกข์โทมนัสชุ่มชื่น ต่างๆ ก็ได้สติฟื้นคืนสมปฤดี พ้นจากวิสัญญีนั้นแล
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
สมาคตานํ ญาตีนํ ฯลฯ รชฺชํ กาเรถ โน อุโภติ
(6) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เมื่อมหัศจรรย์บันดาลบังเกิดจลาจลทั่วสกลโลกธาตุ ทั้งห่าฝนโบกขรพิรุณสารทตกลงประพรม ในตำแหน่งขัตติยสมาคมควรจะปรีดา ทุกหมู่หมวดมุขมาตยาทิชาชาติ เสนาพฤฒามาตย์ราชกวี อีกทั้งพระสนมนารีนิกรอนงค์ ทั้งพวกพหลจตุรงคราษฎร์ประชากร ก็เกิดโลมชาติสยดสยองแสยงพระเดช ต่างๆ ก็ชวนกันน้อมเกศกราบบังคมทูล ขึ้น ว่า ข้าแต่นเรนทร์สูรสมมติเทวราช จงทรงพระกรุณาโปรดอดโทษที่ประมาทแต่หลังมา ขอเชิญเสด็จละอองธุลีลาผนวชไพร ทรงซึ่งขัตติยวิสัยศวรรเยศ คืนพระนครอันพิเศษด้วยศิริสมบัติ สืบเสวยศวรรยาธิปัตย์ถวัลยวงศ์ เป็นมิ่งมกุฎดำรงสกลอาณาจักร จะได้เป็นที่พึงพำนักสัตวนิกร ให้บรรเทาที่ทุกข์เดือดร้อนระงับภัย ดุจมหาเศวตฉัตรไชยอันกางกั้น ได้ร่มเย็นไปทั่วทุกอเนกอนันต์นิกรประชาชน จงทรงพระกรุณาโปรดรับนิมนต์ข้าพระบาท ฝูงเสนาพฤฒามาตย์ราษฎรประชา อันมาทูลอาราธนาอยู่นี้เถิด ฯ
ฉขตฺติยปพฺพํ นิฏฺฐิตํ ฯ
ประดับด้วยพระคาถา ๓๖ พระคาถา
เอวํ ก็มีด้วยประการดังนี้แล ฯ
(ปี่พาทย์ทำเพลงตระนอน)